ฝึกอ่านกราฟเสาร์อาทิตย์เราก็ฝึกระบบเทรด กับbitcoinก็ต้องฝึกบ่อยๆจนกว่าความรู้สึกกังวลจากระบบกลายเป็นความเชื่อมั่นและสามารถทดสอบกับทุกคู่เงินทุกอย่างที่เป็นกราฟสามารถจบได้ด้วยระบบของเราก็สามารถเอาไปใช้กับพอร์ตจริงได้ก็ทำไปเรื่อยๆครับฝึกไปเรื่อยๆฝึกบ่อยๆถ้ามีความรักกับมันจะทำได้บ่อยจริงๆแต่ถ้าไม่มีความรักกับมันเราจะรู้สึกเบื่อหน่ายสิ่งนั้นแหละคือสิ่งที่บอกได้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบถ้าไม่ชอบแนะนำให้ไปทำมาหากินอย่างอื่นแต่ถ้าชอบแนะนำให้ทุ่มเทกับมันมีเป้าหมายกับมันด้วยเหตุได้ผลอะไรเราต้องเข้าใจตัวเราเองลองดูนะครับ
ok ครับสำหรับภาพนี้ก็ไม่มีอะไรมากตามที่เห็นนั่นแหละครับเขียนอย่างนั้นแหละเขียนไปเลยเห็นแบบไหนก็เขียนไปเลยสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือกราฟมันโดนบีบราคาเหมือนปากนกอีกแล้วเป็นแบบนี้ตลอดเลยสังเกตไปทุกๆกราฟก็เป็นแบบนี้แหละแล้วเขาก็ทำให้เราได้ไม้บายที่สูงขึ้นไม้เซลล์ที่ต่ำลงเสมอสุดท้ายเขาก็จะแตกตัวออกไปทิศทางใดทางหนึ่งให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้กำไรแล้วถ้าไม่ปิดฝั่งที่ได้กำไรก็จะกลับมาขาดทุนฝังที่ขาดทุนก็จะกลับมากำไรทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้เสมอแต่เราจะต้องหาจุดเข้าจุดออกของเราแบบไหนระบบของเราคืออะไรเราจะวิ่งไปตามเจ้าตลาดอย่างไรจะวิ่งไปตอนที่เจ้าตลาดเลือกทางหรือว่าเลือกทางแล้วจะย้อนกลับรูปแบบการเทรดมันไม่เหมือนกันจะเสร็จแบบ follow by follow sale หรือเทรดแบบ rsi divergent fibo bb macd อีเรียดเวฟอะไรต่างๆพวกนั้นมันมีรูปแบบที่อาจสอดคล้องกันได้แล้วก็ต่างๆกันได้ด้วยสรุปก็คือการฝึกด้วยตนเองหรือร่ำเรียนมาด้วยเทคนิควิธีการใดนั้นเป็นวิธีการที่ถูกต้องทั้งหมดไม่มีผิดไม่มีถูกแต่มันขึ้นอยู่กับจุดเข้าที่ไม่เหมือนกันแค่นั้นเองเพราะฉะนั้นสิ่งที่บางคนบายบางคนเซลล์ในจุดที่ใกล้เคียงกันนั้นก็อาจจะชนะได้ทั้งคู่แล้วก็อาจแพ้ได้ทั้งคู่มันขึ้นอยู่กับการเก็บจุดของเราแล้วก็รูปแบบการเข้าที่ต้องระมัดระวังอะไรบ้างเพราะเราไม่รู้เลยว่าเจ้าตลาดจะเริ่มทุบเมื่อไหร่จะเริ่มเอาขึ้นเมื่อไหร่
เดี๋ยวเราได้ภาพรวมแล้วเราไปต่อไปก็จะไปหาจุดเช่าในทำเฟรมเล็กๆ
ไอเดียชุมชน
พอร์ต Alpha และ Beta ในการเทรด Forex: กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในการลงทุนหรือเทรดในตลาด Forex นอกจากการวิเคราะห์กราฟ การจัดการความเสี่ยง และการบริหารเงินทุนแล้ว อีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจและสามารถช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น คือการแบ่ง “พอร์ตการลงทุน” ออกเป็น พอร์ต Alpha และ Beta ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีพื้นฐานมาจากการบริหารกองทุนในตลาดทุน แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรด Forex ได้เช่นกัน
พอร์ต Alpha คืออะไร?
พอร์ต Alpha หมายถึงพอร์ตที่เน้นสร้างผลตอบแทนที่ "มากกว่าตลาด" หรือมากกว่าค่าเฉลี่ยของระบบทั่วไป โดยใช้กลยุทธ์ที่อิงกับการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น
การเทรดด้วยข่าว (News Trading)
การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง
การจับจังหวะตลาด
กลยุทธ์ที่มี Risk/Reward Ratio สูง
จุดเด่นของพอร์ต Alpha คือสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่มากกว่า เนื่องจากต้องอาศัยความแม่นยำและวินัยอย่างสูงในการเข้าออกออเดอร์
ตัวอย่างกลยุทธ์ในพอร์ต Alpha
Scalping หรือ Day Trading
กลยุทธ์ Breakout / Reversal
การเทรดช่วงข่าวแรง เช่น Non-Farm Payroll
พอร์ต Beta คืออะไร?
พอร์ต Beta เป็นพอร์ตที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ “ค่าเฉลี่ยของตลาด” หรือระบบที่มีความเสถียรสูง โดยมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า Alpha เน้นความมั่นคงและระยะยาว เช่น
*ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA)
*กลยุทธ์ที่ใช้ Moving Average
*กลยุทธ์เทรนด์ฟอลโลว์ (Trend Following)
Beta ไม่ได้พยายาม "ชนะตลาด" แต่พยายาม "เติบโตไปพร้อมกับตลาด" อย่างต่อเนื่อง เป็นพอร์ตที่เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว และมักจะมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี
ตัวอย่างกลยุทธ์ในพอร์ต Beta
*กลยุทธ์ EMA Crossover
*กลยุทธ์ตามเทรนด์ระยะกลาง
*ระบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ที่ประยุกต์ใช้กับ Forex
ทำไมต้องแยกพอร์ต Alpha และ Beta?
การแยกพอร์ตออกเป็น Alpha และ Beta ช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น โดย:
พอร์ต Beta เป็นฐานหลักที่คอยรักษาเสถียรภาพของบัญชี ช่วยลดความผันผวน
พอร์ต Alpha เป็นพอร์ตที่ใช้โอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม หากมีกำไรดี ก็จะเร่งให้พอร์ตโตเร็วขึ้น
การแยกพอร์ตช่วยให้คุณวัดผลของกลยุทธ์แต่ละประเภทได้ชัดเจน และสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างมีหลักการ
การจัดสัดส่วนพอร์ต
ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน เช่น
นักลงทุนสายอนุรักษ์นิยม: 80% Beta / 20% Alpha
นักลงทุนสายสมดุล: 60% Beta / 40% Alpha
นักลงทุนสายบุก: 40% Beta / 60% Alpha หรือมากกว่านั้น
สรุป
การจัดพอร์ต Alpha และ Beta เป็นแนวทางที่ช่วยให้การเทรด Forex มีระบบระเบียบมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพากลยุทธ์เดียว และช่วยให้คุณสามารถประเมินผลการเทรดได้อย่างชัดเจน หากนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับการบริหารบัญชีเทรด จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การเทรดของคุณ “อยู่รอดและเติบโต” ได้ในระยะยาว
ฝึกอ่านกราฟทองวันนี้ไม่มีเทรดแต่ถ้าอยากซิ่งก็แนะนำทีเจน้องๆทองเลยก็ลองมาวิเคราะห์ตัวนี้กันหน่อยจากภาพรวมแนวโน้มมันก็คือขาขึ้นแหละแต่ทีนี้มันจะ follow by ขึ้นไปยังไงต่อแล้วถ้าเราบายไปแล้วมันลงมาจะทำยังไงเราก็ต้องวางแผนหน้าจุดเช่าซื้อที่แคบลงณขณะนี้ภาพรวมใหญ่มันก็ยังเป็นขาขึ้นขึ้นก็ยังแข็งแรงกว่าลงอยู่แล้วแหละฉะนั้นในบายมีเซลล์ในเซลล์มีบายเดี๋ยวลองย่อหาจุดเข้าดูหน่อยนะครับ
ฝึกอ่านกราฟกำหนดแผนรอกราฟวิ่งเข้ามาตามแผนวิ่งมาในแผนไหนกำหนดเงื่อนไขจุดเข้าซื้อตามแผน
ตัวนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่มันไม่น่าเข้าออเดอร์หรอกครับแต่ก็หาจุดเข้าลองดูเดี๋ยวจะลองดูว่าจะลองเข้าเก็บกำไรสักกี่จุดดีอาจจะไม่ถึง 100 จุดด้วยในช่วงแรกอาจจะต้องใช้รถไซส์ใหญ่ขึ้นหรือไม่ก็ต้องเป็นแบบover tradeก็ได้ต้องลองดูแต่ก็ต้องมี SL ในใจเพราะว่าตั้ง SL ไม่ทันแน่นอนกำไรก็ปิด
ฝึกอ่านกราฟตัวนี้ก็น่าสนใจดีก็เลยลองเขียนรูปออกมาให้ดูกันลองสังเกตดูครับเห็นอะไรไหมครับว่ากราฟช่างสีขาวกับสีเขียวใหญ่ๆนั่นคือสิ่งที่เจ้าตลาดเขาทำกับเม่า
ตามข้อความที่เขียนเลยครับพอเขาทำได้เสร็จพอใจแล้วเขาก็กลับไป side way คืนแล้วก็บีบขอบราคาให้เล็กลงเสมอเป็นแบบนี้ตลอดทุกครั้งเลยทีนี้คำถามจะมาว่าแล้วเราจะเข้ายังไงแล้วมาดูราคาปัจจุบันสิครับกราฟวิ่งน้อยมากเลยเห็นไหมเพราะว่ากราฟเขาจะพยายามให้คนเข้าซื้อแถวๆนั้นแหละแล้วสุดท้ายเขาจะฉีกออกไปทางใดทางหนึ่งไม่ว่าจะเป็นฝั่งขึ้นหรือฝั่งลงตอนนี้ก็คือใครซื้อหวยถูกก็จะได้กำไรก่อนช่วงแรกหลังจากนั้นคนที่ตั้ง SL เอาไว้ก็จะโดนถ้าคนไม่ตั้งแล้วกลัวโดนลากก็จะต้องปิดไม้หลังจากนั้นเขาจะกลับไปคืนไปฝั่งตรงข้ามเท่ากับว่าคนที่ได้กำไรไปแล้วไม่ปิดก็จะขาดทุนคนที่ไม่ปิดขาดทุนก็จะได้กำไรมันจะสลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆทีนี้คำถามต่อมาคือว่าเราจะต้องหารูปแบบในการเทรดของเราให้ได้เพื่อที่เราจะได้กำไรในส่วนนี้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งตามเทคนิควิธีการ indicator ต่างๆที่ร่ำเรียนที่ฝึกกันมาของตนเองก็ลองดูแล้วกันครับส่วนตัวเองก็เดี๋ยวจะลองย่อหาจุดเข้าดูว่ามีจุดเข้าไหมในทำเฟรมเล็กๆ
ประกาศยกเลิกเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเนื่องปกติเขียนบทความ FB และ X รวมถึง Nostr เป็นหลัก และจึงแชร์มาที่ TV ทำให้ต้องทำ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพราะ บท PC ไม่สามารถเขียนภาษาไทยได้ ระบบ TV บน PC ไม่อนุญาตให้เขียน ก็ต้องมาแปล
เพื่อความสะดวกก็ให้ Ai แปลให้ รวมถึงบทความ เราพูดให้ Ai เขียนให้ และเรียบเรียงให้
ระบบ TV ปิดการเผยแพร่ สำหรับดิฉัน ที่นี้ไม่สำคัญในการเผยแพร่ แค่เป็นการให้สะดวกกลับผู้ติดตามเท่านั้น ในโซเชียลฯ
วันนี้ได้ทดลอง โพสต์ภาษาไทย ถ้าปิดอีก ก็จะบอก FC ว่า ติดตาม FB หรือ X และ Nostr ได้ปกติ เพียงแต่ที่นี้ อาจไม่สะดวกเท่านั้นค่ะ
เรียนมาเพื่อให้ทุกท่านทราบค่ะ
Lina Engword
7 ปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการเทรดจิตวิทยาการเทรดมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดไม่แพ้กลยุทธ์หรือการบริหารจัดการความเสี่ยงค่ะ
ความผิดพลาดทางจิตวิทยาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ในการเทรดได้ค่ะ
ปัจจัยทางจิตวิทยาหลักๆ ที่เทรดเดอร์ต้องตระหนักมีดังนี้
1. ความเสี่ยง (Risk)
- การละเลยความเสี่ยงในการเทรด เช่น การไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อาจทำให้เงินทุนเสียหายอย่างมาก
- เทรดเดอร์ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป เช่น การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และการกำหนด Position Sizing ที่เหมาะสม
2. ความกลัว (Fear)
- ความกลัวอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไร หรือรีบปิดสถานะเร็วเกินไปเมื่อราคาผันผวนเล็กน้อย
- การจัดการความกลัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและทำตามแผนการเทรดที่วางไว้
3. ความโลภ (Greed)
- ความโลภอาจชักจูงให้เทรดเดอร์เพิ่มขนาดการซื้อขายมากเกินไป หรือถือสถานะนานเกินไปโดยหวังผลกำไรที่มากเกินจริง
- หากปล่อยให้ความโลภครอบงำ อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและทำให้ผลกำไรที่เคยได้มาหายไป
4. อัตตา (Ego)
- ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป หรือการไม่ยอมรับความผิดพลาด อาจทำให้เทรดเดอร์ไม่เปิดรับข้อมูลใหม่ๆ หรือคำแนะนำจากผู้อื่น
- การเปิดใจรับฟังและเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่นจะช่วยให้เทรดเดอร์พัฒนาจิตวิทยาการเทรดได้ดียิ่งขึ้น
5. ความหวัง (Hope)
- ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ว่าราคาจะกลับมาในทิศทางที่ต้องการ แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจะบ่งชี้ไปในทางตรงกันข้าม อาจทำให้ถือสถานะขาดทุนนานเกินไป
- เทรดเดอร์ควรตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและการวิเคราะห์ ไม่ใช่เพียงความหวัง
6. ความสงสัยในตนเอง (Self-Doubt)
- ความไม่มั่นใจในแผนการเทรดของตนเอง อาจทำให้ลังเลและไม่กล้าตัดสินใจอย่างมั่นใจ
- การฝึกฝนและวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสม่ำเสมอในการเทรด
7. การเข้าซื้อขาย (Trading Positions)
- การมีตำแหน่งซื้อขายที่มากเกินไป หรือการกระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต
- การบริหารจัดการขนาดการซื้อขายและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสมดุลของพอร์ต
การจัดการอารมณ์และจิตวิทยาเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำการซื้อขายอย่างมีระเบียบวินัย และทำให้ผลลัพธ์ในการเทรดโดยรวมดีขึ้นได้ในระยะยาวนะคะ
จงมองทุกอย่างเป็น % เพื่อจัดการอะไรได้ง่ายขึ้นค่ะ
Lina Engword
หลักการดู Order Block ที่ “แม่นยำและถูกต้อง” #4 น้าจะจะอธิบาย “Order Block (OB)” แบบละเอียด ลึก และใช้งานได้จริง โดยเน้นแนวทางที่ นักเทรดสาย Smart Money (SMC) ใช้กันจริงจัง ไม่ใช่แค่เห็นแท่งเทียนใหญ่แล้วเรียกว่า OB เฉย ๆ
💡 Order Block (OB) คืออะไร?
Order Block คือ “แท่งเทียนสุดท้ายก่อนที่ราคาจะกลับทิศ” ซึ่งเป็นจุดที่สถาบันการเงิน (Smart Money) วางคำสั่งซื้อหรือขายจำนวนมาก เพื่อเปิด Position ขนาดใหญ่ โดยมีจุดประสงค์หลักคือ
สร้าง liquidity ด้วยการหลอก (Manipulation)
วาง Buy/Sell limit หรือเปิด Position ใหม่
เป็นต้นกำเนิดของ BOS (Break of Structure)
🧩 ประเภทของ Order Block (OB)
ประเภท ความหมาย สังเกตอย่างไร
Bullish Order Block (Buy OB) จุดที่ราคาเคยกลับตัวขึ้นอย่างแรง ดูแท่งเทียนแดง (ก่อนขึ้น) แล้วราคาวิ่งขึ้นทะลุโครงสร้าง
Bearish Order Block (Sell OB) จุดที่ราคาเคยกลับตัวลงอย่างแรง ดูแท่งเทียนเขียว (ก่อนลง) แล้วราคาวิ่งลงทะลุโครงสร้าง
Mitigation Block จุดที่ OB ถูก revisit เพื่อเติมคำสั่งค้าง มักมี reaction รอบ 2
Continuation OB ใช้ในเทรนด์เพื่อหาจุดเติมไม้ เกิดในเทรนด์ชัดเจน หลัง BOS
✅ หลักการดู Order Block ที่ “แม่นยำและถูกต้อง”
1. มี Break of Structure (BOS) ยืนยัน
OB ที่ดี ต้อง เกิดก่อนที่ราคาจะ ทะลุ High หรือ Low สำคัญ
เช่น ก่อนเกิด BOS ขาขึ้น ต้องมี OB ที่ราคาพุ่งจากมัน
2. แท่งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนทิศ
Bullish OB = แท่งแดงสุดท้ายก่อนราคาพุ่งทะลุ High
Bearish OB = แท่งเขียวสุดท้ายก่อนราคาดิ่งทะลุ Low
3. ต้องมี Liquidity ถูกกวาดก่อนหน้า (Sweep)
เช่น มี Equal Low/High หรือ Liquidity Pool ด้านบน/ล่าง ก่อนเกิด OB
4. ใช้ TF ใหญ่เป็นตัวกรอง
OB ที่น่าเชื่อถือควรดูจาก TF ใหญ่ก่อน (1H, 4H, Daily) แล้วค่อยหาจุดเข้าใน TF ย่อย (15m, 5m)
🛠️ วิธีการใช้งาน Order Block ในแผนเทรด
✅ ขั้นตอนการใช้ OB เพื่อหา Entry
วิเคราะห์ Trend และโครงสร้าง (Structure) ก่อน
หาจุด BOS ล่าสุด
มองหา OB ที่ทำให้เกิด BOS นั้น
รอให้ราคาย่อลงกลับมาแตะ OB
หาสัญญาณ Confirm เช่น:
Rejection Candlestick
RSI Divergence
MACD Crossover
CHoCH ใน TF ย่อย
🎯 เทคนิคเสริมความแม่น
เทคนิค รายละเอียด
ใช้ Fibonacci 0.5 - 0.79 OB ที่ดีมักอยู่ในโซน Discount (ซื้อ) / Premium (ขาย)
Confirm ด้วย CHoCH ใช้ใน TF ย่อย เช่น 5M เพื่อคอนเฟิร์มการกลับตัว
ดู Volume Volume พุ่งใน OB แปลว่า Smart Money เข้ามาจริง
ดูการ Revisit OB OB ที่ยังไม่ถูก revisit มีโอกาสทำงานสูง
📌 ตัวอย่างการใช้งานจริง
TF 1H: เห็น BOS ขาขึ้น → หา Bullish OB แท่งแดงสุดท้ายก่อนราคาพุ่ง
รอราคาย่อลงมาแตะ OB ใน TF 15M
ดูสัญญาณ CHoCH / RSI / MACD เพื่อ Confirm
เข้า Buy พร้อม SL ใต้ OB
วาง TP ที่ Liquidity High ถัดไป
#บันทึกเทรดน้า #roongee #playbooksmc
ฝึกอ่านกราฟก็ไม่มีอะไรมากย่อมาจากไทม์เฟรมวิกนั่นแหละครับเข้ามาดูไส้ในมันว่ามันวิ่งยังไงซึ่งตอนนี้มันก็มีหลากหลายให้เราต้องวิเคราะห์ตามภาพที่เห็นนี่แหละครับเห็นในหัวมันมันมีอยู่แค่นี้แหละส่วนมันจะไปทางไหนก็ไม่รู้จริงๆสิ่งที่จะตอบได้ก็คือการหารูปแบบการเทรดของตัวเองให้เจอว่าเราจะเทรดอย่างไรรูปแบบมันลงไปในลักษณะไหนแล้วเราจะเซลล์หรือถ้ามันไม่ลงมันไม่ขึ้นเราจะเทรดแบบไหนแบบ side way หรือว่าถ้ามันเบรคขึ้นไปอ่ะเป็นรูปแบบไหนที่เราจะมองว่ามันควรต้องfollow by ตามแนวโน้มขึ้นไป
ภาพที่เห็นมันก็จะดูรกๆหน่อยแต่มันคือเป็นภาพที่รกมาจากสมองเราแล้วเราก็ตีแผ่มันออกมาก็ประมาณนี้ล่ะครับมีประโยชน์ก็เอามาใช้ไม่มีก็ปล่อยผ่านไปเข้าไปดูการวิเคราะห์ของท่านอื่นที่มันเหมาะกับจริตของเราเท่านั้นมันจะทำให้สอดคล้องกับแนวคิดของเราและวิธีการเทรดของเรานะครับ
ฝึกอ่านกราฟตอนนี้ก็ลองมาวิเคราะห์อ่านแท่งเทียนสำหรับแท่งเทียน week แท่งเทียนเดียวและเดามันให้ได้ว่ามันทำอะไรไปบ้างส่วนตัวก็จะฝึกวิเคราะห์แบบนี้บ่อยๆเพื่อที่จะมองหาอะไรในทำเฟรมเล็กๆในการหาจุดเข้าเสมอภาพที่เห็นก็มาขีดๆเขียนๆไว้ประมาณนี้ล่ะครับไม่มีอะไรครับก็เอามาให้ดูแค่นั้นแหละมีสาระสำคัญอะไรไหมไม่มีครับมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะจับอะไรได้บางคนอ่านแล้วก็คงคิดว่าเขียนทำไม ใช่ครับเขียนทำไม ก็มันเป็นบันทึกบันทึกการฝึกอ่านวิเคราะห์ของตัวเองครับผมเห็นอะไรก็เขียนลงมาแค่นั้นแหละแล้วก็อยากนำเสนอให้กับสาธารณะดูได้ประโยชน์ก็เอาไม่ได้ก็ไม่ต้องเก็บก็ผ่านไป
Liquidity Grab จุดที่ “รายใหญ่” ใช้หลอกกิน Stop Loss #3Liquidity Grab จุดที่ “รายใหญ่” ใช้หลอกกิน Stop Loss
เรื่อง Liquidity Grab เป็นหัวใจของแนวคิด Smart Money Concept เพราะมันคือจุดที่ “รายใหญ่” ใช้หลอกกิน Stop Loss ของรายย่อย แล้วพาราคากลับทิศไปอีกทางหนึ่ง
Liquidity Grab คืออะไร
“การดูดสภาพคล่องที่อยู่หลัง High/Low ก่อนเปลี่ยนทิศทาง”
ความหมายง่ายๆ:
รายใหญ่รู้ว่า “มี Stop Loss ของเทรดเดอร์รายย่อยซ่อนอยู่หลัง High หรือ Low สำคัญ”
เค้าจึง “พาราคาไปแตะเพื่อกิน SL เหล่านั้น (สร้างสภาพคล่อง)”
แล้วพาราคากลับทิศทันที = กลายเป็น “กับดักเทรดเดอร์”
ตัวอย่างง่ายๆ
สถานการณ์:
ราคาอยู่ในกรอบแนวนอน (Sideway)
มี High ซ้ำๆ อยู่ที่ 1.2000 หลายรอบ
เทรดเดอร์เปิด Sell แล้ววาง SL เหนือ High
เกิดอะไรขึ้น:
รายใหญ่ดันราคา ทะลุ 1.2000 → SL รายย่อยโดน
ราคากลับตัวทันที → เกิดแท่ง Rejection
นี่คือ “Liquidity Grab” → แล้วราคากลับลงแรง (False Breakout)
ประเภทของ Liquidity Grab
ประเภท รายละเอียด ใช้ทำอะไร
Buy-side Liquidity SL ของฝั่ง Sell (อยู่เหนือ High) ใช้สำหรับดันราคาขึ้นไปกินก่อนกลับลง
Sell-side Liquidity SL ของฝั่ง Buy (อยู่ใต้ Low) ใช้สำหรับทุบราคาลงไปกินก่อนกลับขึ้น
จุดที่มักมี Liquidity ให้ Grab
เหนือ High / ใต้ Low ที่เด่นชัด
→ ยิ่งชัด = ยิ่งมี SL ซ่อนอยู่เยอะ
ใกล้ OB / FVG / Supply-Demand Zone
ก่อนข่าวแรงๆ หรือ Breakout สำคัญ
สัญญาณว่าเกิด Liquidity Grab แล้ว
มีแท่งไส้ยาว (Wick) ทะลุ High/Low แล้วปิดกลับ
มีแท่ง Rejection หรือ Engulfing หลัง Grab
บางกรณีมี Divergence ช่วยยืนยัน
วิธีเทรดจาก Liquidity Grab
1. รอราคาเข้า “POI + มี Liquidity อยู่ใกล้ๆ”
(เช่น Order Block ที่มี High/Low อยู่ข้างบน/ล่าง)
2. พอราคาทะลุ High/Low → อย่ารีบเทรด
ให้รอแท่ง Rejection หรือ CHoCH ใน TF เล็ก
3. เข้าเทรดตรง BOS หรือแท่งยืนยัน
ตั้ง SL หลังไส้แท่งที่ Grab ไปแล้ว
ตัวอย่างกลยุทธ์ SMC + Liquidity Grab
Timeframe การใช้ Liquidity Grab
1H ใช้ดูแนวรับ/ต้านที่มี SL ซ่อนอยู่
15M เฝ้าดูโซน POI ใกล้จุด SL
5M / 1M รอแท่ง Rejection / BOS เพื่อเข้าออเดอร์
ภาพจำแบบง่าย
“ราคามักจะไปกิน SL ก่อน ถึงจะไปจริง”
#บันทึกเทรดน้า #roongee #playbooksmc
คู่มือการใช้งาน SMC (Smart Money Concept) CHOCH BOS #2โอ้เรื่องนี้สำคัญมากเลยครับคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังใช้แนวทาง SMC (Smart Money Concept) แบบเต็มระบบ ต้องเข้าใจความต่างระหว่าง CHOCH กับ BOS แบบแม่นๆ เพราะมันคือ "สัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม" และ "สัญญาณยืนยันแนวโน้ม" ซึ่งทั้งคู่ทำงานร่วมกันเหมือนพี่น้องเลย
สรุปแบบเร็วให้เห็นภาพก่อน
หัวข้อ CHoCH (Change of Character) BOS (Break of Structure)
ความหมาย การเปลี่ยน “พฤติกรรมของราคา” การยืนยัน “เทรนด์ปัจจุบันยังคงอยู่”
เกิดเมื่อ มีการทำ “Low ใหม่” ในขาขึ้น หรือ “High ใหม่” ในขาลง มีการทำ “HH ใหม่” ในขาขึ้น หรือ “LL ใหม่” ในขาลง
สื่อถึง อาจเป็นจุด “เปลี่ยนเทรนด์” เป็นจุด “ต่อเนื่องเทรนด์”
ใช้เมื่อ อยากจับจุดกลับตัว อยากเทรดตามเทรนด์เดิม
ความเสี่ยง สูงกว่า (ยังไม่ยืนยันแนวโน้ม) เสี่ยงน้อยกว่า (แนวโน้มชัด)
ลำดับการเกิด: CHoCH → BOS
CHOCH จะเกิดก่อนเสมอ → เป็นการ “เปลี่ยนพฤติกรรม” จากแนวโน้มเดิม
BOS จะเกิดหลังจากนั้น → เป็นการ “ยืนยันแนวโน้มใหม่”
ตัวอย่าง:
ราคาอยู่ในขาลง → ทำ Lower High, Lower Low
อยู่ดีๆ ราคาทำ Higher Low + Break High เดิม → CHOCH
ถัดมา ราคาทำ Higher High อีกครั้ง → BOS ขาขึ้น
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (ตามลักษณะ Probability)
ประเภท ความน่าเชื่อถือโดยเฉลี่ย แนวทางการพิจารณา
CHOCH ~60–70% ใช้เป็นจุดเริ่มพิจารณา Entry + รอดู Rejection
BOS ~80–90% ใช้เป็นยืนยันเทรนด์ใหม่ก่อนเข้าออเดอร์หนัก
เทคนิค: ถ้าเข้าเทรดตอน CHOCH → ควรใช้ Risk น้อยลง
แต่ถ้ารอ BOS แล้วเข้าตอนย่อกลับ → สามารถใช้ Risk ได้มากขึ้น
วิธีใช้ใน Timeframe ต่างๆ
TF ใช้ CHOCH/BOS เพื่ออะไร
1H ดู CHOCH เพื่อเตรียมแผนเปลี่ยนเทรนด์, รอ BOS เพื่อยืนยันแนวโน้มใหญ่
15M ใช้ CHOCH เพื่อตั้ง POI, รอ BOS เพื่อมั่นใจก่อนเข้า
5M / 1M ใช้ CHOCH ในจุด Entry, รอ BOS เพื่อเพิ่มออเดอร์หรือเข้าใหม่
สรุปภาพรวมสไตล์ Playbok SMC Trader
เมื่อเห็น CHOCH:
→ อย่าพึ่งเทรด! ให้เริ่มวางแผน หา Order Block หรือ FVG
เมื่อ BOS เกิด:
→ เข้าออเดอร์ได้ถ้ามีการย่อกลับ พร้อมแท่งยืนยัน
หลัง BOS:
→ เฝ้าดูการย่อ เพื่อ Re-entry หรือถือรันเทรนด์
#playbooksmc #บันทึกเทรดน้า #tradersetup
ฝึกอ่านกราฟอย่างที่บอกไปเมื่อวานนั่นแหละครับที่มีข่าวออกมาว่าเดี๋ยวจะลงเดี๋ยวจะลงแล้วสุดท้ายมันลงไหมเนี่ยมันก็ขึ้นทำ new high แล้วเนี่ยเพราะฉะนั้นสิ่งที่จะบอกก็คืออย่าไปคิดว่ามันจะลงหรือมันจะขึ้นเราต้องเห็นหน้างานว่ามันเป็นอะไรแค่นั้นแหละเขาก็เทรดตามที่มันมีให้เราเทรดนั่นแหละครับมันจะลงเราก็ลงเราก็เซลล์มันจะขึ้นเราก็บายมันจะลงอีกทีตอนไหนเราก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ถ้ามันขึ้นแบบนี้เราก็ต้อง follow by แล้วถ้ามันลงต่อเนื่องลงไปเราก็follow saleซึ่งในบทเรียนต่างๆบางคนที่ไปร่ำเรียนมาเขาก็บอกว่าห้าม follow by ห้าม follow sale แต่พอถึงหน้างานจริงๆจังหวะมันให้เรา follow by และเซลล์แล้วจะทำยังไงเราก็ต้องทำตามหน้างานนั่นแหละครับเก็บแบบไหนก็ต้องหาจังหวะเก็บ 100 จุด200 จุด 300 จุด 500 จุด 1,000 จุดอะไรก็แล้วแต่รูปแบบที่เราเคยคุ้นเคยนั่นแหละครับสำคัญที่สุดลองดูครับ
คู่มือการใช้งาน SMC (Smart Money Concept) POI Order Block FVG วันนี้น้าจะอธิบาย 3 องค์ประกอบสำคัญในแนวคิด SMC (Smart Money Concept) ได้แก่ POI, Order Block, FVG แบบละเอียด พร้อมตัวอย่างการใช้งานในการเทรดจริง โดยเฉพาะสำหรับ Timeframe 1H, 15M, 5M ที่คนส่วนใหญ่ใช้งานนะครับ
1. POI (Point of Interest) คืออะไร
POI คือ “จุดที่น่าสนใจ” ซึ่งคาดว่าราคาจะมีปฏิกิริยาเมื่อกลับมาแตะ ใช้เป็น โซนสำหรับรอเทรด (Entry Zone)
ตัวอย่างของ POI ที่นิยมใช้:
Order Block (OB) – บริเวณแท่งเทียนสุดท้ายก่อนราคาพุ่งขึ้น/ลง
FVG (Fair Value Gap) – ช่องว่างที่เกิดจากแรงซื้อ/ขายเร็ว
Liquidity Zone – จุดที่มี Stop Loss ของเทรดเดอร์รายย่อยซ่อนอยู่
Supply/Demand Zone – พื้นฐานโซนดีมานด์/ซัพพลายแบบคลาสสิก
2. Order Block (OB) คืออะไร
Order Block คือ “แท่งเทียนสุดท้ายของฝั่งตรงข้าม” ก่อนที่เกิดการเคลื่อนไหวอย่างแรง เช่น:
ในขาขึ้น → มองหา แท่งแดงสุดท้ายก่อนเกิดแท่งเขียวใหญ่
ในขาลง → มองหา แท่งเขียวสุดท้ายก่อนเกิดแท่งแดงใหญ่
วิธีใช้งาน:
ใช้ Order Block เป็น จุดรอราคาเข้ามา Re-test เพื่อเข้าออเดอร์
ใช้ร่วมกับ Break of Structure (BOS) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
วาง SL ไว้ใต้ OB (ในขาขึ้น) หรือเหนือ OB (ในขาลง)
เทคนิคพิเศษ:
ใช้ OB บน TF ใหญ่ (1H, 15M) เพื่อเป็น POI
ยืนยันด้วย Candlestick + Indicator ใน TF เล็ก (5M, 1M)
3. FVG (Fair Value Gap) คืออะไร
FVG คือ “ช่องว่างของราคาที่เกิดจากความไม่สมดุล” ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย
รูปแบบ:
เกิดเมื่อแท่งเทียน 3 แท่งเรียงกัน โดย:
แท่งที่ 2 มี Body ใหญ่
ไม่เติมเต็ม Wick ของแท่งที่ 1 หรือแท่งที่ 3
ช่องว่างนี้ = โซน FVG
วิธีใช้งาน:
ใช้เป็น POI สำหรับรอการ Refill (ราคามักย้อนกลับมาเติม)
วาง Limit Order ได้ หรือรอแท่งเทียนยืนยันเมื่อราคากลับมา
ตัวอย่างการวางแผนเทรดด้วย OB + FVG
สมมุติ:
TF 1H = Uptrend (มี BOS)
พบ Order Block อยู่บริเวณ 1,800
มี FVG ระหว่างราคา 1,790 - 1,795
แผน:
วาง POI บริเวณ OB (1,800) + FVG (1,790–1,795)
รอราคาลงมาทดสอบ
เข้าเทรดเมื่อมีแท่งเทียน Rejection บน TF 5M หรือ 1M
SL ใต้ OB (1,785) / TP ที่ Liquidity Zone ถัดไป (1,820)
สรุปง่ายๆ แบบใช้จริง
-------------------------
องค์ประกอบ ความหมาย ใช้ยังไง
POI จุดที่คาดว่าราคาจะกลับตัว ใช้เป็น "โซนเฝ้า" เพื่อหา Entry
Order Block แท่งสุดท้ายก่อนเกิด impulsive move ใช้เป็น POI ที่แม่นยำมาก
FVG ช่องว่างที่เกิดจากแรงซื้อ/ขาย ใช้คาดจุดที่ราคาจะมาเติมเต็ม
ลำดับความสำคัญของเครื่องมือในการเทรด (จากมากไปน้อย)ผมจะช่วยวิเคราะห์ว่าแต่ละ Indicator และ SMC (Smart Money Concept) ควรจัดลำดับความสำคัญอย่างไรเมื่อนำมาสร้าง “เงื่อนไขการเทรด” โดยอิงกับ Timeframe 1H / 15M / 5M / 1M
ลำดับความสำคัญของเครื่องมือในการเทรด (จากมากไปน้อย) 🎇
ลำดับ | เครื่องมือ | บทบาทหลัก | ความสำคัญ
1 | SMC (Structure, BOS, POI, Liquidity) | อ่านพฤติกรรมรายใหญ่ + คาดทิศทาง | สูงสุด
2 | Candlestick (แท่งเทียน) | ยืนยัน Entry/Exit + ดู Rejection | สูง
3 | EMA (Exponential Moving Average) | เทรนด์ & Dynamic Support/Resistance | กลาง-สูง
4 | MACD | Momentum + Divergence + Confirmation | กลาง
5 | RSI | วัด Overbought/Oversold + Divergence | กลาง
6 | Stochastic | จังหวะเข้า/ออกระยะสั้น | เสริม
2. โครงสร้าง Timeframe ในการเทรดแบบ Multi-Timeframe
Timeframe บทบาท ใช้อะไร
1H โครงสร้างหลัก (HTF Structure) ใช้ SMC / EMA200 / MACD
15M ยืนยัน Mid-term Entry Zone ใช้ BOS / POI / RSI / MACD
5M หาจุด Entry Candlestick / EMA20/50 / Sto / RSI
1M Precision Entry / Confirmation แท่งเทียน / Sto / RSI
3. ตัวอย่างเงื่อนไขการเทรด (Entry Setup)
เงื่อนไขหลัก:
1H:
โครงสร้างเป็น Uptrend (Higher High, Higher Low)
ราคาย่อตัวเข้าโซน POI (เช่น Order Block / Fair Value Gap)
EMA200 อยู่ใต้ราคา
15M:
มี BOS (Break of Structure) กลับขึ้น
MACD ตัดขึ้น / RSI เริ่มกลับจาก Oversold
5M:
แท่งเทียนแสดง Rejection (Pin Bar / Engulfing)
EMA20 กำลังตัด EMA50 ขึ้น
Stochastic ตัดขึ้นจาก Oversold
1M:
Confirmation ด้วยแท่งเทียนเขียวใหญ่ + Volume
RSI มี Bullish Divergence
Entry: หลังแท่งยืนยันใน 1M ปิด พร้อม Stop Loss ใต้ Low ของโซน POI
TP: ตาม Fibonacci / Liquidity ด้านบน / Resistance Zone
4. เคล็ดลับในการใช้งานร่วมกัน
SMC เป็นตัวตั้ง: ใช้ SMC เพื่อหาทิศทางใหญ่ โซนเข้า (POI) และเป้าหมาย
EMA ช่วยคัดกรอง Trend: เข้าเฉพาะเทรนด์เดียวกับ EMA200 / EMA50
MACD + RSI: ใช้ยืนยัน Momentum และ Divergence
Stochastic: ใช้จับจังหวะเข้า/ออกใน Timeframe เล็ก
Candlestick: ใช้ในการตัดสินใจสุดท้ายก่อนเข้าเทรด
ฝึกอ่านกราฟกำหนดแผนรอกราฟวิ่งเข้ามาตามแผนวิ่งมาในแผนไหนกำหนดเงื่อนไขจุดเข้าซื้อตามแผน
ก็เหมือนเดิมล่ะครับย่อจากทางเฟรมใหญ่ที่เราวิเคราะห์ไปเมื่อสักครู่นี้เสร็จแล้วก็มาหาจุดเข้าที่นี้อย่างที่เห็นนั่นแหละครับตามภาพเลยที่เขียนนั่นแหละครับคือไม่ได้ดูข่าวเลยดูแค่เห็นหน้ากราฟนี่แหละให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละจะขึ้นต่อไหมไม่รู้จะลงต่อไหมไม่รู้หรือจะอยู่ตรงกลาง side way ไปก่อนไหมไม่รู้จะรู้อย่างเดียวคือรูปแบบมันใช่ไหมของเราเข้า order เก็บจุดได้ไหมถ้าใช่ก็ลุยเลยตามนั้นแหละ indicator มีไหมมีก็เอามาใส่ไม่มีก็ไม่ต้องใช้เรียนมาจากไหนเขาสอนมาแบบไหนก็ฝึกแบบที่เขาสอนถ้าใช่จะทำต่อถ้าไม่ใช่ก็เอาออกไปก็เอารูปแบบที่ใช่ของตัวเองมาใส่มีกรอบแนวความคิดของตัวเองให้แคบลงเพื่อเป็นกระบวนการความคิดที่ตกผลึกออกมาในการทำระบบเทรดของตัวเองแค่นั้นครับ
ฝึกอ่านกราฟย่อจากชุดวิเคราะห์TF ใหญ่ก่อนหน้า
สังเกตอะไรไหมครับว่าวิเคราะห์แต่ละทีมันก็เหมือนเดิมซ้ำๆถ้าใครได้มาเจอหน้านี้ก็ลองไปย้อนกลับดูก็จะเคยเจอผมวิเคราะห์แบบเดิมๆแบบนี้แหละก็คือผมมีรูปแบบของการวิเคราะห์ของตัวเองแบบนี้มาเสมอซึ่งก็เอาไปวิเคราะห์กับทุกๆกราฟบนโลกใบนี้ก็แบบนี้เลยไม่ได้มีอะไรปรับเปลี่ยนก็คือจะบอกเหมือนเดิมไม่มีอะไรกราฟจะเลือกทางให้เราขาดทุนทั้งสองฝั่งไม่ว่าจะทางไหนทางหนึ่งเราเข้าทางใดทางหนึ่งเราก็จะขาดทุนหมดสุดท้ายเขาก็จะบีบตัวให้เราได้ไม้BUYและSELLที่แย่ลงเรื่อยๆBUYที่สูงขึ้นSELLที่ต่ำลงไปเรื่อยๆมันเป็นแบบนี้เป็นวัฏจักรของมันเลยและสุดท้ายมันก็จะกลับไปเลือกทางใหม่เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะวิเคราะห์นะตอนนี้ก็คือเราจะต้องหารูปแบบการเทรดว่าหากมันลงมาเราจะเทรดอย่างไรหากมันขึ้นไปเราจะเทรดอย่างไรจะเทรดในรูปแบบของ side way หรือว่าจะเทรดแบบ follow by follow sale หรือจะเทรดแบบ break out และอะไรต่างๆมากมายตามรูปแบบที่ร่ำเรียนมาตามรูปแบบที่ตัวเองใส่ indicator ต่างๆที่เข้าใจและเป็นรูปแบบที่ตัวเองเคยทำสัญญาอันนี้เอาไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นมาแบบนี้เราจะต้องทำอะไรทุกอย่างต้องมีคำถามและคำตอบให้กับตัวเองเสมอ
ฝึกอ่านกราฟรูปแบบการวิเคราะห์ก็ไม่มีอะไรมากครับแบบเดิมๆที่เคยวิเคราะห์ตามภาพเก่าๆนั่นแหละครับถ้าอยากเห็นอะไรก็ไปลองดูแล้วกันเพราะว่าการวิเคราะห์แต่ละวันมันก็อาจจะมีตกๆหล่นๆบ้างมันก็ต้องไปเก็บได้ละเอียดเอาเองส่วนพิธีการจะเช่าซื้อต่างๆนั้นมันก็จะต้องมีองค์ประกอบอื่นๆด้วยซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองขึ้นอยู่กับการจับหลักของเรารูปแบบของเราขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราไปร่ำเรียนมาจากไหนมาใช้ indicator อะไรทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กันหมดแต่เราไม่ใช่ว่าจะต้องเอามาทั้งหมดเราจะต้องเอาในสิ่งที่มันสอดคล้องกับแนวคิดของเราที่ว่ามันจะทำให้เราไปต่อยอดในความคิดอื่นๆต่อได้ว่าเราจะสามารถไปพัฒนาระบบของเราได้ดีแค่ไหนเท่านั้นฉะนั้นการเรียนรู้มากมายเป็นเรื่องที่ดีครับแต่เราจะต้องมีสติสมาธิและก็ปรับลดบางอย่างลงเพื่อที่จะไม่ให้มันมากจนเกินไปเพราะบางทีมากเกินก็ขัดแย้งกันเอง
How To Setting EA วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5How To Setting EA
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5
👰 กลับจากบทความที่แล้ว แอดพาทุกคนไปรู้จัก กับ EA robot กันแล้ว มารอบนี้เราไปดูกันต่อฮะกับวิธีการติดตั้ง EA robot แบบง่ายๆที่ไม่ยุ่งยาก มาครับ ตามไปอ่านพร้อมๆกันเลยกับบทความนี้มีคำตอบ
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการจะติดตั้ง หาโหลดฟรีได้ทั่วไปเลยครับ
ขั้นตอนที่ 2 Extract ไฟล์ EA และ Copy ข้อมูล
👉คลิกขวาที่ไฟล์ EA
👉เลือก Extract to
👉คลิกขวาที่ไฟล์ (.ex4 หรือ .mq4) เพื่อ Copy
ขั้นตอนที่ 3 เปิดโปรแกรม MT4 และเริ่มติดตั้ง
👉ไปที่ File
👉เลือก Open Data Folder
👉กดเข้าไปที่ โฟลเดอร์ MQL4
👉คลิกเข้าไปที่ Experts
👉นำ EA ที่เรา Copy ในขั้นตอนที่ 2 มาวางในโฟลเดอร์ Expert
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT4 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT4
👉เลือก Refresh
วิธีติดตั้ง EA Forex บน MT5 มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการ โดยอยู่ในรูปแบบ EX5 หรือ MQ5
ขั้นตอนที่ 2 เปิดโปรแกรม MT5 และติดตั้ง
👉ไปที่ File บนแถบเมนูด้านบน
👉คลิกที่ Open Data Folder
👉คลิกที่ MQL5 จากนั้นคลิกที่ Experts
👉คัดลอกและวางไฟล์ EA ลงในโฟลเดอร์
ขั้นตอนที่ 3 กลับไปที่แพลตฟอร์ม MT5
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT5 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT5
👉เลือก Refresh จากนั้น EA ที่ติดตั้งจะปรากฏขึ้นในรายการ
👉👉👉 เป็นอย่างไรกันบ้างฮะ ง่ายใช่มั้ยหล่ะ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรต้องคำนึงเป็นอันดับแรกๆก็คือการเลือก EA ที่ดีสักตัว เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อีกนะดับ แอดแถมให้อีกนิดนะฮะ
1. เลือก EA ที่มีการแสดง Back Test ให้เราติดตาม และควรเลือกระยะเวลาย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เห็นโอกาสการทำกำไรของการใช้ EA ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
2. ทดสอบ A/B Test เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อน เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่า EA ตัวไหนสามารถทำกำไรได้จริง และดีกว่ากัน
3. อ่านรีวิว EA Forex จากผู้ใช้งานจริง จะทำให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และบางทีอาจจะถูกกับจริตของเราด้วย
4. ทดสอบ EA Forex ในตลาดจริงก่อนเริ่มใช้งาน ด้วยการลองใช้ในบัญชี Demo เพื่อความสมจริงฮะ แม้จะไม่เหมือนพอร์ตจริงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่หนีกันมากนัก
5. เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
👉👉👉แม้ว่า EA Robot จะเป็นที่นิยม เพื่อใช้ในการเทรดที่ต้องการลดการทำงานของมนุษย์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการตั้งค่าหรือกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน อย่าลืมเผื่อใจและใช้เวลาในการเลือกสักหน่อยนะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ EA Robot สมัยนี้มันต้องเพิ่งเทคโนโลยีด้วยกันแล้วจริงๆนะ แต่ทั้งนี้ทั้นนั้น EA Robot ก็มีทั้งด้านดี และด้านเสีย เราจะเอาใจไปลงที่ EA robot แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้นะครับ มันเสี่ยงเกินไป และที่สำคัญ เมื่อได้มันมาแล้ว แอดแนะนำให้ลอง back test ย้อนดูไปนานๆก่อนฮะ และทดลองใช้กับพอร์ตเดโม่3-6 เดือนด้วยยิ่งดี เราจะได้ไม่ขาดทุนครับ
ฝึกอ่านกราฟใน time frame ที่ย่อลงมาก็คือย่อมาจาก h4 แล้วก็มาดูข้างในมันซึ่งในh 1 มันก็มีการวิ่งอะไรหลายรูปแบบแต่สำคัญคือเราจะเอาเงินออกมาได้ยังไงในกรอบนี้ที่วิ่งอยู่ประมาณ 1,600 จุดกลมๆโดยวิธีการใดก็ได้เราก็ต้องคิดมา 1,600 จุดอาจจะหาร 4 ก็ได้หาร 3 ก็ได้หาร 2 ก็ได้ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนว่าจุดเข้าของทุกคนแม่นแค่ไหนได้ระยะไปใช่ไหมอะไรต่างๆมันขึ้นอยู่กับความสามารถแล้วก็การฝึกฝน indicator การศึกษาร่ำเรียนมาจากอาจารย์อะไรก็ได้เอามาเถอะเอามาใส่เขามาเอามาเรียนรู้เอามาหาเหตุและผลเอามาฝึกเทคนิคทักษะรูปแบบเงื่อนไขคำถามคำตอบของตัวเองออกมาให้ได้แค่นั้นแหละครับที่จะบอกจับภาพลองหาดูครับ