NZDUSD ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรกNZDUSD
ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรก
และถ้าหากเบรกล่างก่อน จะมีแนวรับแน่นๆคือ 0.58890 ที่มีโอกาสชนแล้วเด้งแรงๆสูง
แต่ถ้าหากเบรกกรอบบนได้เลย จะมีแนวต้านคือ 0.61350
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
NZDUSD ไอเดียในการเทรด
NZDUSD ทำรูปแบบ chart pattern สามเหลี่ยม NZDUSD
ทำรูปแบบ chart pattern สามเหลี่ยม
โดย ถ้าเบรกหลุดลง 0.57239 จะมีแนวรับถัดไปที่มีโอกาส
ลงถึงแล้วเด้งแรงๆ 1 ที คือ 0.56817
กลับกันหากไม่หลุด 0.57239 ก็จะกลับไปหาเป้าแนวต้านแรกคือ 0.57672
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
4. ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ไม่สามารถวัดหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ว่าจะดีเหมือนในอดีตหรือไม่ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องเข้าใจหลักและวิธีการเงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทน ความเสี่ยงที่ได้รับก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
NZDUSD 4H | แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องTickmill Expert วิเคราะห์ NZDUSD กรอบเวลา 4H มีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง ราคากำลังปรับตัวขึ้นสู่แนวรับ Pivot ที่ 0.5645 และมีโอกาสดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกที่ 0.5722 ซึ่งสอดคล้องกับ Fibonacci Extension 161.8% และ Fibonacci Projection 100%
แต่หากราคาทะลุแนวรับ Pivot ลงมา อาจปรับตัวลงไปยังแนวรับถัดไปที่ 0.5587 ซึ่งเป็นแนวรับแบบ Overlap ที่แข็งแกร่ง
Divergence analysis สัญญาณไดเวอร์เจ้นท์บอกอะไรได้บ้าง??Divergence analysis สัญญาณไดเวอร์เจ้นท์บอกอะไรได้บ้าง??
👽👽 กลับมาพบเจออกันอีกแล้ว กับเทคนิคการทำกำไร ทริคดีๆทริคเด็ดๆ ที่แอดเอามาฝากกันเช่นเคย วันนี้เอาใจสายเทคนิคอลอีกแล้ว ใครที่ชื่นชอบกราฟเปล่า และอินดิเคเตอร์น้อยๆ ต้องมาลองครับ กับสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์ ที่จัดว่าแม่นเว่อร์เหมือนจับวาง มันใช้กันอย่างไร ตามมาอ่านกันได้เลยครับ
Divergence คืออะไร
Divergence คือสัญญาณการขัดแย้งระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ (Indicators) คือราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง ส่วนอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปอีกทิศทางหนึ่ง เรียกว่าวิ่งกันไปคนละทาง
รูปแบบแพทเทรินของ สัญญาณ Divergence
สัญญาณ Divergence หาได้จากอินดิเคเตอร์ตัวไหนบ้าง ?
เรามักจะใช้อินดิเคเตอร์เพื่อหาสัญญาณ Divergence ประเภท Oscillator ลักษณะอินดิเคเตอร์ที่วิ่งอยู่ในกรอบ เช่น RSI, MACD และ Stochastic Oscillator เป็นต้น
Divergence แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
1. Bullish Divergence ขาขึ้น
2. Bearish Divergence ขาลง
หลักการหาจุดเข้าจากสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์
1. กราฟเปล่า + MACD
อินดิเคเตอร์ตัวนี้จัดเป็นตัวยอดนิยมอันดับหนึ่งในการใช้หาสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์แต่มักให้สัญญาณที่ค่อนข้างช้า แต่ชัวร์ โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 1H และ 4H
- เมื่อราคาแท่งเทียนเกิดสัญญาณในทิศทางตรงกันข้ามกันแล้ว ให้เราใช้สัญญาณ MACD เป็นสัญญาณหลักในการเข้าออเดอร์
**** ตัวอย่างจากรูป MACD มีคลื่นที่ต่ำลง ในขณะที่แท่งเทียนทำยอดสูงขึ้น ให้เรามองหาจุดเข้า SELL เพื่อทำกำไร
2. กราฟเปล่า + Stochastic Oscillator
อินดิเคเตอร์ตัวนี้มักให้สัญญาณที่ค่อนข้างไว ทำให้เราสามารถพบ Divergence ได้ค่อนข้างบ่อย และอาจเจอสัญญาณหลอกได้อีก โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 30M และ 4H และส่วนใหญ่ให้น้ำหนักจากกราฟแท่งเทียนเป็นสัญญาณในการเข้าออเดอร์
3. กราฟเปล่า + RSI
RSI ย่อมาจากคำว่า Relative Strength Index โดย RSI เป็นอินดิเคเตอร์ตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาด แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักในการหาสัญญาณไดเวอร์เจ้นท์ เนื่องจาก ค่อนข้างเกิดขึ้นยากมากๆ และใช้เวลานาน แต่ก็เกิดขึ้นได้และแม่นด้วย โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 1H และ 4H การหาจุดเข้าออเดอร์มักให้น้ำหนักไปทางตัว RSI เป็นหลัก
👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ทริคดีๆในการทำกำไรเพิ่มกันแล้วใช่มั้ยครับ อย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะฮะ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเทคนิคการทำกำไรเบอร์ต้นๆของเราเลยก็ว่าได้ แอดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เราอ่านกราฟได้ดี อ่านกราฟได้เก่งมากขึ้นนะครับ จำไว้เสมอว่ากราฟมีขึ้นแล้วก็มีลง ไม่ต้องไปเครียดกะมันหมั่น ฝึกฝนและเพิ่มเติมความรู้อย่างสม่ำเสมอ รับรอง เทรดยังไงก็รอดครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM กันด้วยนะครับ วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอนครับ แอดเอาใจช่วยสู้ๆ
วิเคราะห์ NZDUSD // SMC>Smart Money Concept<Set Up 1 SMC
1. (มองหาเทรน) TF 4h ราคาเป็นเทรนขาลงหลัก ใน TF 15 ราคาเป็นเทรนขึ้น
1.1 ราคา BOS สร้าง HH จากนั้นราคา ที่สร้าง HH ได้ มีการลงมาเบรค สวิง Low ที่เป็น
Low ที่มีแรงสร้าง HHได้ (CHOCH )
1.2 เมื่อราคา CHOCH ให้เรามองหา Supply Zone บริเวณ ราคาก่อนหน้าราคาที่จะเบรค แล้วรอ ราคากลับไป บริเวณ Supply Zone เพื่อรอ การแสดงเปลี่ยนโครงสร้างราคา ใน TF เล็ก
***ถ้าเกิด Supply Zone ดังกล่าว อยู่บริเวณเดี่ยวกันกับ Fibo 50.0 61.8 78.6 หรือเราจะเรียก Zone Supply ดังกล่าวว่า Zone Premium ซึ่งระบบ SMc จะมองว่าราคา ขึ้นมาอยู่ใน Zone ที่เหมาะ แกการ ปล่อยของแล้ว เพราะราคา สูงพอสมควร
TP = low ที่มีการ เบรคเปลี่ยน CHOCH ลงมา
NZDUSD H4 | กำลังมุ่งเข้าสู่แนวต้านวิเคราะห์ NZDUSD บนกราฟ H4 แนวโน้มราคากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่แนวต้าน กำลังขึ้นไปยังจุด Pivot Point ที่ 0.6099 ซึ่งเป็นแนวต้านจากการดึงกลับและอยู่เหนือระดับ Fibonacci retracement ที่ 61.8% อาจกลับทิศทางลงไปยังแนวรับที่ 0.6039 หากราคาทะลุจุด Pivot Point ขึ้นไปได้ อาจไปถึงแนวต้านที่ 0.6134
NZDUSD H4 | การกลับตัวขาลงการคาดการณ์:
ราคากำลังขึ้นสู่แนวต้าน pivot ที่ 0.6104 ซึ่งเป็นแนวต้าน pullback ใกล้กับระดับ 50% Fibonacci retracement การกลับตัวจากระดับนี้อาจทำให้ราคาลดลงไปยังแนวรับแรกที่ 0.6059 ซึ่งเป็นแนวรับ pullback
สถานการณ์ทางเลือก:
หากราคาทะลุแนวต้าน pivot ขึ้นไปได้ ราคาจะมีโอกาสขึ้นไปถึงแนวต้านแรกที่ 0.6148 ซึ่งเป็นแนวต้านสูงสุดในหลาย swing
NZDUSD H4 | แนวโน้มการดีดตัวขึ้นของราคาขาขึ้นราคากำลังลดลงไปสู่จุดหมุนที่ 0.6101 ซึ่งเป็นระดับแนวรับสำคัญที่อาจทำให้ราคากลับทิศทางขึ้นจากจุดนี้ เราอาจเห็นแรงส่งที่ดันราคาขึ้นไปสู่แนวต้านแรกที่ 0.6144 ซึ่งเป็นแนวต้านจากการดึงกลับที่สอดคล้องกับระดับ Fibonacci retracement 38.2%
สถานการณ์ทางเลือก:
หากราคาทะลุจุดหมุนลงไป อาจไปถึงแนวรับแรกที่ 0.6081 ซึ่งเป็นระดับแนวรับจากการดึงกลับ
"NZD/USD ฟื้นตัวหลังยอดขายปลีกสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด"NZD/USD ฟื้นตัวบางส่วนหลังการเปิดเผยยอดขายปลีกสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด
NZD/USD มีการฟื้นตัวเล็กน้อยในไม่กี่นาทีหลังจากการประกาศข้อมูลยอดขายปลีกของสหรัฐฯ สำหรับเดือนพฤษภาคม ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการประมาณการเบื้องต้นสำหรับเดือนเมษายนนั้นมีความคาดหวังสูงเกินจริง ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีการซื้อขายที่อ่อนแรงท่ามกลางข้อมูลการบริการที่อ่อนแอและข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่ลดลง
NZD/USD ฟื้นตัวเกือบหนึ่งในสี่เปอร์เซ็นต์มาอยู่ในช่วง 0.6110s หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่าลง ตามการเปิดเผยข้อมูลยอดขายปลีกสหรัฐฯ รายเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในเดือนเมษายนและพฤษภาคม
ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนพฤษภาคม แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% ตามเศรษฐศาสตร์ การอ่านที่เป็นกลางในเดือนเมษายน ได้ถูกปรับลดลงเป็นลบ 0.2% ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร
ยอดขายปลีกยกเว้นยานยนต์ลดลง 0.2% MoM – ต่ำกว่าความคาดหมายที่สมมติฐานเดิมที่ 0.2% และลดลงจากการปรับลดเบื้องต้นที่ 0.1% ในเดือนเมษายน ตัวเลขเดือนเมษายนเองถูกปรับลงจากการอ่านเบื้องต้นที่เป็นบวก 0.2%
ทั้งการอ่านที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนพฤษภาคมและการปรับลดลงในเดือนเมษายนได้ส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) แต่ส่งผลให้ NZD/USD เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการวัดกำลังซื้อของดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เมื่อเทียบกับ USD ข้อมูลชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวของการบริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลเสียต่อสกุลเงิน เนื่องจากลดการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ
ความคาดหวังในตลาดเกี่ยวกับเส้นทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของสหรัฐฯ ได้รับการปรับลดลงหลังจากการปล่อยข้อมูล ก่อนการปล่อยข้อมูล ความน่าจะเป็นของการลดอัตราดอกเบี้ยของ Federal Reserve (Fed) 0.25% ในเดือนกันยายนอยู่ที่ 55% หลังจากการปล่อยข้อมูล ค่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 60% ตามเครื่องมือ CME FedWatch ซึ่งใช้ราคาของ Fed Funds Futures ระยะเวลา 30 วันเพื่อคำนวณการประมาณการของตน ความน่าจะเป็นที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.25% หรือ 0.50% ภายในเดือนกันยายน ได้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 68%
ความน่าจะเป็นที่เพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่า Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้งในปี 2024 ซึ่งตรงข้ามกับการคาดการณ์ล่าสุดในเดือนมิถุนายนของธนาคารที่ระบุถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ก่อนสิ้นปี คาดการณ์ที่กระทันหัน (มุมมองที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูง) ได้สนับสนุนการแข็งค่าของ USD ในช่วงเซสชั่นล่าสุดและความอ่อนแอของ NZD/USD
ความเห็นล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ Fed ได้สนับสนุนท่าทีที่กระทันหันของธนาคาร Neel Kashkari ประธาน Fed สาขา Minneapolis กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าเขาคิดว่าเป็นการคาดการณ์ที่เหมาะสมว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ในวันจันทร์ Patrick Harker ประธาน Fed สาขา Philadelphia ได้เพิ่มการสนับสนุนมุมมองนี้หลังจากเขากล่าวว่าการรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันนานขึ้นจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อและลดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในขณะเดียวกัน มีการซื้อขายที่อ่อนแรงอย่างกว้างขวางหลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาคบริการของนิวซีแลนด์ตกต่ำในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 นอกจากนี้ ข้อมูล GDP ของประเทศยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตเชิงลบในสองไตรมาสติดต่อกัน ตรงตามนิยามของภาวะถดถอย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มการเดิมพันว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยมีการราคาเต็มแล้วสำหรับการลดลง 0.25% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน ตาม Trading Economics
#NZDUSD #ยอดขายปลีกสหรัฐฯ #อัตราดอกเบี้ย #Fed #เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ 📉📈🔍