ไอเดียชุมชน
NZDUSD ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรกNZDUSD
ทำรูปแบบแพทเทิร์นสามเหลี่ยม จ่อเบรก
และถ้าหากเบรกล่างก่อน จะมีแนวรับแน่นๆคือ 0.58890 ที่มีโอกาสชนแล้วเด้งแรงๆสูง
แต่ถ้าหากเบรกกรอบบนได้เลย จะมีแนวต้านคือ 0.61350
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
เส้นแนวโน้มขาลง H4 กำลังแสดง🕯วิเคราะห์ราคาทองคำกัน ตั้งแต่วันที่ 28/04/2025 - 02/05/2025
การปรับฐานจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จะรุนแรงขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนคลี่คลายลง
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ (XAU/USD) เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแนวโน้มขาขึ้น และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,500 ดอลลาร์ในการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวันอังคาร ก่อนที่จะปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์ โดยลบกำไรจากวันพฤหัสบดีและหลุดต่ำกว่าเกณฑ์ 3,300 ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะลดลงก็ตาม ความตึงเครียดในข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาทองคำลดลงมากกว่า 1.6%ความคืบหน้าใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญที่เผยแพร่โดยสหรัฐฯ อาจผลักดันมูลค่าของทองคำในระยะใกล้
อารมณ์ของตลาดยังคงเปราะบาง โดยแกว่งตัวไปมาระหว่างโหมดเสี่ยงและโหมดเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ บลูมเบิร์กรายงานว่าจีนกำลังพิจารณายกเว้นภาษีสินค้าบางรายการของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความหวัง อย่างไรก็ตาม อารมณ์กลับแย่ลงหลังจากที่ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกภาษีกับจีนหากไม่ประนีประนอมอย่างมีนัยสำคัญ
🙂สัปดาห์นี้นักลงทุนทองคำให้ความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลของสหรัฐฯ
สำนักงานวิเคราะห์ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ (BEA) จะเผยแพร่ประมาณการครั้งแรกเกี่ยวกับ การเติบโตของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรก โดยตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวในอัตราต่อปี 0.4% ซึ่งถือเป็นอัตราที่ช้ากว่ามากเมื่อเทียบกับการขยายตัว 2.4% ที่บันทึกไว้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024
ตัวเลข GDP ที่เป็นลบอาจกระตุ้นให้เกิดการเทขาย USD ทันทีและส่งผลให้ XAU/USD ปรับตัวสูงขึ้น ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME ตลาดแทบไม่เห็นโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ขณะที่มีโอกาสเกือบ 40% ที่ Fed จะคงนโยบายเดิมในเดือนมิถุนายน ข้อมูลการเติบโตที่น่าผิดหวังอาจส่งผลต่อการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนมิถุนายน ในทางกลับกัน USD อาจได้รับประโยชน์จากตัวเลขที่ 1% ขึ้นไป และบังคับให้ค่าเงินคู่นี้ปรับตัวลดลง
ในวันศุกร์ นักลงทุนจะจับตาดูรายงานการจ้างงานเดือนเมษายนของสหรัฐฯ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของ ตลาดแรงงาน ประธานเฟดมินนิอาโปลิส นีล คาชคารี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเขากังวลว่าธุรกิจต่างๆ อาจเริ่มเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้า ในทำนองเดียวกัน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด กล่าวกับบลูมเบิร์กว่าเขาจะไม่แปลกใจหากเห็นการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นและอัตราการว่างงานสูงขึ้น "วิธีที่ง่ายที่สุดในการชดเชยต้นทุนภาษีศุลกากรคือการลดจำนวนพนักงาน" วอลเลอร์กล่าว
ดังนั้น การที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ออกมาต่ำกว่าหรือต่ำกว่า 100,000 อาจส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และช่วยให้XAU/USDปรับตัวสูงขึ้นก่อนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในทางกลับกัน อัตราการว่างงานที่ลดลง ประกอบกับตัวเลข NFP ที่แข็งแกร่งที่สูงกว่า 200,000 อาจทำให้ตลาดเกิดความสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และส่งผลให้คู่เงินนี้ปรับตัวลดลง
ผู้เข้าร่วมตลาดจะประเมินพัฒนาการใหม่ๆ เกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วยเช่นกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอยกลับและตัดสินใจที่จะหยุดหรือลดภาษี ทองคำอาจต้องดิ้นรนเพื่อหาอุปสงค์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
👀มุมมอง:
ข่าวการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนในสุดสัปดาห์นี้จะยังคงสร้างแรงกดดันการขายให้กับราคาทองคำในสัปดาห์หน้า โดยเคลื่อนตัวตามแนวเส้นแนวโน้มขาลง H4
🕯 ในทางเทคนิค:
ตั้งแต่วันที่ 28/04/2025 - 02/05/2025 จากพื้นที่แนวต้านและแนวรับของราคาทองคำตามกรอบ H4 เราระบุแนวรับสำคัญทางเทคนิคได้ดังนี้:
แนวต้าน: $3358, $3500, $3600
แนวรับ: $3211, $3150, $3100
ข้อจำกัด: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ และสถานการณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนของตนเอง
⚠️คำเตือน
บทวิเคราะห์นี้เป็นการคาดการณ์โดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนควรรับทราบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำยังมีผลกระทบมาจากด้านปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางรัฐศาสตร์ภูมิศาสตร์ที่สามารถสร้างความผันผวนอย่างสูงต่อราคาทองคำได้ตลอดเวลา ควรติดตามปัจจัยเหล่านี่เพื่อประกอบการลงทุนตลอดเวลา...❤️ขอโชคดีทุกคน
RELX บริษัทดี Business Model งาม แต่ก็แพงแบบอิหยังหน่อยๆRELX: ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก
RELX เป็นบริษัทมหาชนสัญชาติอังกฤษ ผู้ให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ชั้นนำระดับโลก ที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์ (information and analytics) แก่ลูกค้าธุรกิจและมืออาชีพทั่วโลก รวมถึงด้านการศึกษาและวิจัยทางวิชาการ
โดย RELX เอง ดำเนินการผ่านธุรกิจผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังต่อไปนี้
1. งานวิจัย Scientific, Technical & Medical - STM คิดเป็น 33.4% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้แบรนด์ Elsevier
- เป็นผู้ตีพิมพ์บทความวิชาการชั้นนำของโลก (600,000 บทความในปี 2021)
- ให้บริการฐานข้อมูลวิชาการผ่านแพลตฟอร์มอย่าง ScienceDirect (18 ล้านเอกสาร) และ Scopus
2. การบริหารความเสี่ยง (Risk) คิดเป็น 34.2% ของรายได้
- ให้บริการเครื่องมือช่วยตัดสินใจด้านความเสี่ยงสำหรับธนาคารและบริษัทประกันภัย
- ช่วยตรวจจับการฟอกเงิน และการฉ้อโกง
- 84% ของบริษัทใน Fortune 500 เป็นลูกค้าของ RELX และ 9 ใน 10 ธนาคารชั้นนำของโลกก็เป็นลูกค้าของ RELX เช่นกัน
3. การบริการด้านกฎหมาย (Legal) คิดเป็น 20.2% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้แบรนด์ LexisNexis
- ฐานข้อมูลทางกฎหมายและข่าวสารมีเอกสารมากกว่า 119 พันล้านฉบับ
- 85% ของรายได้มาจากการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยรีดใ้ห Operating Margin ของบริษัทดีมากเลยล่ะ
และ BU สุดท้าย
4. การจัดนิทรรศการ (Exhibitions) คิดเป็น 12.2% ของรายได้
- ดำเนินการภายใต้ชื่อ RX (เดิมคือ Reed Exhibitions)
- เป็นบริษัทจัดนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดงานแสดงสินค้า 500 งานสำหรับผู้ออกบูธ 140,000 รายและผู้เข้าชม 7 ล้านคน
------------------------------------------------------------------------
ปี 2024 RELX มีรายได้อยู่ที่ £9.434 พันล้าน และมีกำไรสุทธิ £1.934 พันล้าน
หลักๆ แล้ว โครงสร้างรายได้ของธุรกิจเน้นไปที่การให้บริการแบบดิจิทัลและการสมัครสมาชิกทำให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้:
- 93% ของรายได้ทั้งหมดมาจากผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล
- รายได้จากการสมัครสมาชิกแบบต่อเนื่องมีมูลค่า £6.4 พันล้านในปี 2023
- อัตราการต่ออายุสมาชิกมากกว่า 90% ในทุกส่วนธุรกิจ
-------------------------------------------------------------------------
RELX ให้บริการลูกค้ากว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และเสิร์ฟผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาวิชาชีพ ครอบคลุมอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเลยล่ะคุณ โดยเบื้องต้นเรากล่าวไ้แล้วคร่าวๆ เกี่ยวกับลูกค้า จากข้อมูลเพิ่มเติม เราใส่มาเพิ่มดังนี้ฮะ
- สถาบันการศึกษาและการวิจัย
- บริษัทใน Fortune 500 (84%)
- ธนาคารชั้นนำของโลก (9 ใน 10 แห่ง)
- บริษัทประกันภัยชั้นนำ (21 ใน 25 แห่ง)
- สำนักงานกฎหมาย
- หน่วยงานภาครัฐ
------------------------------------------------------------------------------
Competitive Advantage & Moat
gvk]jt มาอยู่ในหัวข้อที่ทุกคนน่าจะให้ความสนใจกัน RELX มี moat ที่แข็งแกร่งหลักๆ 2 เรื่อง ซึ่งเราว่าเรื่องนี้มันช่วยให้บริษัทรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน 2 หัวข้อที่ว่าคืออันนี้:
1. High Switching Costs ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงสูง
- ส่วนหนึ่งมาจากแบรนด์ และการที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องการนำเสนอ Research ดีๆ ให้กับเล่ม Research ของทาง Science Direct หรือแม้แต่การใช้ SCopus เพื่อตรวจจับการโกง
- สิ่งนี้เลยทำให้บรรดาอาจารย์ และลูกค้าที่ใช้บริการของ RELX มีต้นทุนในการเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งสูง หากคู่แข่งไม่มีของแบบนี้มาสู้ได้ และว่ากันตามตรงเราว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของความภาคภูมิของมหาลัยด้วยล่ะ ที่อยากจะตีพิมพ์ Research ดีๆ กับเจ้าดังๆ ซึ่ง RELX สั่งสมประสบการณ์มามากเลย
- ซึ่งเรื่องที่เรากล่าวไป มันเลยสะท้อนมาที่อัตราการต่ออายุสมาชิกที่สูงถึง 90% แสดงให้เห็นถึงการล็อคลูกค้าได้ดีเลย
2. ความประหยัดจากขนาด (Economies of Scale)
- ด้วยความที่เขาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม นั่นเลยทำให้บริษัทมีมีเครือข่ายลูกค้าขนาดใหญ่ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแพลตฟอร์ม
- และด้วยเรื่องต้นทุนต่างๆ ที่พอบริษัทหันมาอยู่ในโลกดิจิตัลแล้ว มันเลยไม่ได้มีมากขนาดนั้น ยิ่งสเกลได้ง่าย
และจุดขายอื่นๆ ที่นอกจาก Moat ก็มีเรื่องของ
ฐานข้อมูลกรรมสิทธิ์เฉพาะ (Proprietary Database)
- ที่บริษัทครอบครองฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมมาเป็นเวลานาน เช่น ScienceDirect ที่มีเอกสารกว่า 18 ล้านชิ้น และ LexisNexis ที่มีเอกสารกว่า 119 พันล้านฉบับ
- ซึ่งข้อมูลพวกนี้อาจจะยากหน่อยต่อการลอกเลียนแบบหรือสร้างใหม่ ทำให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ยาก
และอีกเรื่องที่น่าจะพูดถึง คือ
ความต้านทานต่อวัฎจักรเศรษฐกิจ (Anti-cyclical)
- บริการวิเคราะห์ข้อมูลของ RELX มีความจำเป็นไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นยังไง เพราะว่าโลกมันถูกขัยเคลื่อนด้วยการ R&D ล้วนๆ และ Trust เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
- นอกจาดนี้ ลูกค้ายังคงต้องใช้ข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากทั้งหลายทั้งปวงนี้ มันสนับสนุนว่าบริษัทนี้มันดูน่าสนใจ น่าแข็งแกร่งมากเลย
และมันส่งให้ภาพสติรี่ของบริาัทดูมีอะไรให้เล่นอีกมากด้วย ผ่าน Usecase ของ AI ใหม่ๆ
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคุณ ว่าบริษัทนี้ รายได้โตแค่หลักเดียว และกำไรโตแค่หลัก 1x% แต่บริษัทกลับถูกเทรดอยู่ที่ P/E 5x เท่า ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว หุ้นกลุ่มนี้ อาจจะอยู่ในขอบข่ายของทาง Passive Fund ที่ต้องซื้อหุ้นในตระกร้าของ ETF ฝั่ง Euro Zone แน่ๆ อยู่แล้ว กับส่วนหนึ่งอาจจะเป็นนักลงทุนที่อาจจะเป็นสาย Mometum Play
น่าเสียดายหากท่านเป็นนักลงทุนสาย Growth Investor แล้ว การที่บริษัทเทรดที่ P/E ระดับนี้ รวมถึง Growth ที่ไม่ได้สูงขนาดนั้น คงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใเหมือนกัน หากเราจะซื้อ ณ ระดับ P/E นี้ จนอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นการลงทุนที่ดีหรือเปล่า หรือว่าเราควร Say Bye แล้วไปหาตัวอื่นต่อไป
สำหรับเราแล้ว เราอาจจะมองว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่อาจจะแพงแบบไร้สาระไปหน่อย แต่ในความไร้สาระนั้น พื้นฐานของเขาก็นับว่าไม่เลว และสมควรที่จะถูกหยิบเป็นเคสของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องของ Revenue Stream อย่างแท้จริง และ Business Model แบบนี้ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เสียด้วย
และด้วยความแพงระดับนี้ เราให้เขาอยู่ในระดับ ของขลังของวงการการเงิน อย่าง ASML , NVDA , LIN , ISRG ที่แบบเก่งมากกก เก่งเกินจนแบบต้องเทรด P/E ระดับนี้
ไว้คราวหน้าเราจะหาตัวที่คล้ายๆ แบบนายให้เจอนะ
ขอจบการบ่นแต่เพียงเท่านี้
SCAP หากไม่หลุด 1.35 มีโอกาสขึ้นทดสอบต้าน 1.58-1.60SCAP หากไม่หลุด 1.35 มีโอกาสขึ้นทดสอบต้าน 1.58-1.60
และอาจเกิดการย่อตัว 1 เที่ยว แถวบริเวณ 1.39-1.35 และ ถ้าไม่หลุดจุดเบรก จะกลับ
ขึ้นไป 2.00
แต่ถ้าหากหลุด 1.35 และหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 50/200 วัน จะลงกลับเข้าไปเล่นในกรอบ 1.35-1.15
โดยมีแนวรับ 1.15
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
BTCUSD : ระบบ MACD ตัด 0 (ActionZone) มีสัญญาณ "ซื้อ" 17/1/2025อธิบาย : ระบบ Action Zone หรือ MACD ตัดศูนย์ คือระบบที่ใช้หลักการดูเส้น MACD ว่า เส้นนี้จะตัดกับเส้นศูนย์เมื่อไหร่ โดย ถ้าตัดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณซื้อ ถ้าตัดลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ถือเป็นระบบ Trend Following ที่ใช้ได้ดีกับตลาดที่มีเทรนจ๋าๆ เช่น BTC
แต่ระบบนี้ก็จะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเช่นกัน คือ ในช่วงตลาด sideway ออกข้างเราอาจจะเจอ false sig ทำให้ต้องคืนกำไร คืนทุน กันบ่อยๆ ได้ หรือบางทีถ้าตลาดมีการทุบแรงๆ ก็อาจจะทำให้เจอการคืนกำไรหมดเช่นกัน เพราะระบบจะต้องรอ confirm ของเส้น MACD ก่อน ถึงจะยอมขาย ตอนขึ้น บางทีทำให้มันถือได้นาน ถือได้ทน รันเทรนได้นาน แต่ถ้าลงแรงก็จบกัน 555
ความเห็นของรอบนี้ : หลังจากที่แดงแล้วเหี่ยวกันมาเกือบสามเดือน ในที่สุด... ก็กลับมาเขียวซักที ก็หวังว่ารอบนี้จะไปจริงๆ ครับ โดยรอบนี้ผมได้ปรับแนวทางการคิด SL ให้อยู่ที่ low ของ 3 แท่งก่อนหน้า ทำให้จุด SL อยู่แคบมากๆ แถวๆ 84k ซึ่งถ้าตามราคาเปิดตอน 85200 ก็จะเป็น SL ที่ -1.38% ทำให้ถ้าใช้ความเสี่ยง 2% ก็จะเข้าได้ 100% ของพอร์ตนั่นเอง
แต่ถ้าเราเข้าช้า ไปเข้าได้แถวๆ 87500+- ก็จะ SL ราวๆ -4% ถ้าใช้ความเสี่ยง 2% ของพอร์ตก็จะเข้าได้ราวๆ 50% ของพอร์ตครับ
ส่วนใครมองว่า รอบนี้มันหลอกล่ะม้าง ก็ไม่เป็นไรครับ ท่านก็นั่งดูเฉยๆ ไปก็ไม่ผิดอะไร เพราะมันคือการตัดสินใจของท่านครับ ส่วนผมก็ขี้เกียจคิดมาก ทำตามระบบแบบเบลอๆ ไปดีกว่า
BTC ActionZone= เขียว ( 21/4/2025 )
------------------
Entry : 85200+-
SL : 84000 ( -1.38%) ( low ของสามแท่งก่อนหน้า )
Position Size = 70% ของพอร์ต ( Risk1% )
หรือ
Position Size = 100% ของพอร์ต ( Risk2% )
---------------------------
สรุปผลกำไร สะสม ของทุกระบบ ในปี 2025 ได้ดังนี้
* รายการกำไรนี้ เป็นการคำนวณตรงๆ ยังไม่ได้ใส่ค่า fee และ slippage เข้าไปนะครับ ดังนั้น กำไร/ขาดทุนจริงๆ ของการทำตามระบบ ก็น่าจะคลาดเคลื่อนจากข้อมูลด้านล่างพอสมควรครับ
* หลังจากนี้ระบบจะใช้แค่ ActionZone และ BreakHigh เท่านั้นครับ ระบบละความเสี่ยง 1-2% ของพอร์ต เพื่อลดความเสียหายจาก false sig เนื่องจากความผันผวนของราคา และระบบ ATR + EMA120D ให้ผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงต้องตัดออกไปครับ
(7Jan-10Jan) ATR = -1%
(7Jan-10Jan) ActionZone = -1%
(18Jan-3Feb) ATR = -1%
(22Jan-3Feb) BreakHigh = -1%
(17Jan-8Feb) ActionZone = -0.35%
(1Jan-25Feb) EMA120D = -0.23%
(3Mar-4Mar) ATR = -1%
(3Mar-4Mar) EMA120D = -1%
(21Apr-???) ActionZone = ?
Sum กำไรสะสมของปี 2025 = -6.58% ที่ความเสี่ยง 1% ต่อระบบต่อครั้ง ( Max 4% กำไรหน่วย USD )
สรุปสถิติของระบบ ปี 2025
เทรดทั้งหมด : 8 ครั้ง
เทรดชนะ : 0 ครั้ง
เทรดแพ้ : 8 ครั้ง
Win Rate = 0%
Bond Shock คืออะไร?ขอเล่าเรื่อง "Bond Shock" ให้เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับ สงครามการค้า (Trade War) ในตอนนี้นะครับ
________________________________________
📉 Bond Shock คืออะไร?
"Bond Shock" เปรียบเหมือน “แผ่นดินไหวในตลาดพันธบัตร”
จู่ๆ อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลก็พุ่งขึ้นแรงราวกับ “ภูเขาไฟระเบิด”
โดยในภาพที่แนบมา — เราเห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ขยับจากแถว 4.00% → ทะลุ 4.38% ในเวลาไม่นาน
นั่นคือ “แรงขายพันธบัตรอย่างหนัก” → ราคาพันธบัตรร่วง → Yield พุ่ง = Bond Shock
________________________________________
🧠 ทำไมถึง "ช็อก"?
1. ราคาพันธบัตรลง = คนไม่อยากถือหนี้รัฐบาล
→ สะท้อนความกังวลว่า "เงินเฟ้อ" อาจจะยังไม่หยุด
→ หรือกลัวว่ารัฐจะกู้เงินมากขึ้น จนหนี้ล้น (Fiscal Risk)
2. ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทและประชาชนพุ่ง
→ คนซื้อบ้าน ผ่อนรถ ลงทุนธุรกิจ เจออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
→ “ช็อกซ้ำ” ไปที่เศรษฐกิจ
3. หุ้นก็ตกตาม
→ ดอกเบี้ยสูงคือพิษร้ายของตลาดหุ้น (ดิสเคานต์แวลูสูงขึ้น กำไรดูไม่คุ้มความเสี่ยง)
________________________________________
⚔️ แล้วเทรดวอร์ (Trade War) มีผลยังไง?
เทรดวอร์ = ระเบิดเวลาของ Bond Shock
1. สงครามภาษี → ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น → เงินเฟ้อเพิ่ม
→ นักลงทุนเริ่มคาดว่า Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงและนาน
→ พันธบัตรจึงถูกเทขาย → Yield พุ่ง
2. จีนคือผู้ถือครองพันธบัตรสหรัฐรายใหญ่
ถ้าเทรดวอร์รุนแรง → จีนลดการซื้อพันธบัตรหรือขายทิ้ง
= อุปสงค์ลด ราคาตก Yield พุ่ง
3. ดอลล่าร์แข็ง → ทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
= ตลาดทุนทั่วโลกปั่นป่วน → นักลงทุน Panic ขายตราสารหนี้
________________________________________
🔥 ตัวอย่าง Bond Shock ที่เคยเกิดขึ้น
• ปี 1994: Fed ขึ้นดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ → Bond Yield พุ่งเร็ว → ตลาดหุ้นตกแรง
• ปี 2022: เงินเฟ้อสหรัฐสูงสุดในรอบ 40 ปี → Fed ขึ้นดอกเบี้ยดุ → Bond Shock ทำ Nasdaq ดิ่ง
________________________________________
🪙 สรุปแบบสำนวน "ลุงบัฟเฟตต์"
“เวลาอัตราดอกเบี้ยขึ้น มันเหมือนน้ำทะเลลดลง… คุณจะเห็นว่าใครบ้างที่ไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำ”
และ Bond Shock ก็คือ “น้ำลดฉับพลัน” ที่ทำให้ตลาดทั้งโลกสะดุ้ง
อย่าประมาทสงครามการค้า เพราะมันเหมือน ไฟใต้ดิน ที่พร้อมจุด
แผนการเทรดทองคำโดยระบบ SMC🏆XAU/USD🏆
📍 ราคา Bos ขึ้นไปตามโครงสร้างอย่างต่อเนื่องและได้ทิ้ง POI ที่สร้างใหม่พร้อม IMB และมี $$$ รออยู่ก่อนถึงโซน ซึ่งลุงมองไว้ 2 โซน
✍️ แผนของลุงคือ ✍️
➡️ 1. เมื่อราคาลงมาลงมาที่ Dz. POI จุดที่ 1 สามารถเข้าแบบ Aggressive ได้ หรือจะรอการยืนยันอีกครั้งใน LTF และเข้าเทรดไปตามเทรนในสั้นๆใน LTF 🔼
➡️ 2. หากราคาหลุดลงมาที่ POI จุดที่ 2 ลุงจะรอการยืนยันอีกครั้งใน LTF หากมีการยืนยันลงจะเข้าเทรดไปตามเทรนสั้นๆใน LTF อีกครั้ง แต่ถ้าหากไม่มีลุงจะไม่เข้าเทรดในโซนนี้ ✅ 🔼
➡️ 3. หากราคาหลุด POI จุดที่ 2 ลุงจะสลับฝั่งไปโฟกัส Supply เพื่อเทรดลงมาตามเทรนสั้นๆ ✅🔽
➡️ 4. หากราคา Bos ขึ้นไปต่อลุงจะอัปเดทโซนใหม่และมองหา POI ที่สร้างใหม่เพื่อไหลขึ้นไปตามเทรนขาขึ้นหลักของทองคำ ✅🔼
✍️ สิ่งที่ลุงจะทำในตอนนี้คือ : เข้าสู่โหมดรออีกครั้งเพื่อให้กราฟเฉลยและจะเข้าเทรดไปตามสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิด ✅🔼
📍 ขอให้ทุกคนโชคดีเทรดอย่างมีระบบและมีมีวินัยครับ 🔼🫡
VCP ที่ถูกเขย่า อาจเด้งแรงได้นี่เป็นหุ้นที่ผมเพิ่งเข้าซื้อ เป็นหุ้นที่ติดลิสต์การเฝ้าดูมาอย่างยาวนานเพราะมันสร้างฐานราคาแบบ vcp ตอนแรกก็ตั้งระดับเตือนเมื่อราคา break out การบีบตัวแคบที่สุด (1.85)แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์กำแพงภาษีราคาก็ถูกขายอยากตื่นตระหนกให้ร่วงลงอย่างรุนแรง
ซึ่งถ้าไม่มีหุ้นก็ถือว่าเป็นความโชคดี
แล้วจากนั้นเมื่อเห็นราคาพุ่งขึ้นเขียวยาวสวนกลับอย่างรุนแรงผมก็รอเข้าซื้อเมื่อราคามัน break out ระดับที่เคยตั้งเอาไว้ คือ 1.85 แล้ววันนี้ก็พรุ่งต่อไปได้อีกถือว่าประสบความสำเร็จในการเสียเวลาเฝ้าดูและรอจังหวะซื้อที่ดี
บทเรียนที่อยากจะแชร์ คือ
1. หุ้นที่ถูกเทขายลงอย่างรุนแรงเพราะความตกใจถ้าหากมันดีดกลับขึ้นมาใหม่ได้อย่างรุนแรงก็อาจจะมีศักยภาพที่จะพุ่งแรงต่อไปได้อีก
2. เพราะหมายความว่ามันมีคนที่ถือหุ้นตัวนี้น้อยลงซึ่งคนที่เก็บหุ้นในตอนที่ราคาเขย่าแรงก็คือเจ้ามือนั่นเอง
How To Setting EA วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5How To Setting EA
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4, MT5
👰 กลับจากบทความที่แล้ว แอดพาทุกคนไปรู้จัก กับ EA robot กันแล้ว มารอบนี้เราไปดูกันต่อฮะกับวิธีการติดตั้ง EA robot แบบง่ายๆที่ไม่ยุ่งยาก มาครับ ตามไปอ่านพร้อมๆกันเลยกับบทความนี้มีคำตอบ
วิธีติดตั้ง EA Robot Forex บน MT4
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการจะติดตั้ง หาโหลดฟรีได้ทั่วไปเลยครับ
ขั้นตอนที่ 2 Extract ไฟล์ EA และ Copy ข้อมูล
👉คลิกขวาที่ไฟล์ EA
👉เลือก Extract to
👉คลิกขวาที่ไฟล์ (.ex4 หรือ .mq4) เพื่อ Copy
ขั้นตอนที่ 3 เปิดโปรแกรม MT4 และเริ่มติดตั้ง
👉ไปที่ File
👉เลือก Open Data Folder
👉กดเข้าไปที่ โฟลเดอร์ MQL4
👉คลิกเข้าไปที่ Experts
👉นำ EA ที่เรา Copy ในขั้นตอนที่ 2 มาวางในโฟลเดอร์ Expert
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT4 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT4
👉เลือก Refresh
วิธีติดตั้ง EA Forex บน MT5 มีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดไฟล์ EA ที่ต้องการ โดยอยู่ในรูปแบบ EX5 หรือ MQ5
ขั้นตอนที่ 2 เปิดโปรแกรม MT5 และติดตั้ง
👉ไปที่ File บนแถบเมนูด้านบน
👉คลิกที่ Open Data Folder
👉คลิกที่ MQL5 จากนั้นคลิกที่ Experts
👉คัดลอกและวางไฟล์ EA ลงในโฟลเดอร์
ขั้นตอนที่ 3 กลับไปที่แพลตฟอร์ม MT5
ขั้นตอนที่ 4 รีเฟรชโปรแกรม MT5 อีกครั้ง
👉คลิกขวาที่ Expert Advisors บนแถบด้านซ้ายหน้า MT5
👉เลือก Refresh จากนั้น EA ที่ติดตั้งจะปรากฏขึ้นในรายการ
👉👉👉 เป็นอย่างไรกันบ้างฮะ ง่ายใช่มั้ยหล่ะ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรต้องคำนึงเป็นอันดับแรกๆก็คือการเลือก EA ที่ดีสักตัว เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อีกนะดับ แอดแถมให้อีกนิดนะฮะ
1. เลือก EA ที่มีการแสดง Back Test ให้เราติดตาม และควรเลือกระยะเวลาย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้เห็นโอกาสการทำกำไรของการใช้ EA ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
2. ทดสอบ A/B Test เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพก่อน เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่า EA ตัวไหนสามารถทำกำไรได้จริง และดีกว่ากัน
3. อ่านรีวิว EA Forex จากผู้ใช้งานจริง จะทำให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และบางทีอาจจะถูกกับจริตของเราด้วย
4. ทดสอบ EA Forex ในตลาดจริงก่อนเริ่มใช้งาน ด้วยการลองใช้ในบัญชี Demo เพื่อความสมจริงฮะ แม้จะไม่เหมือนพอร์ตจริงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่หนีกันมากนัก
5. เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
👉👉👉แม้ว่า EA Robot จะเป็นที่นิยม เพื่อใช้ในการเทรดที่ต้องการลดการทำงานของมนุษย์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการตั้งค่าหรือกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน อย่าลืมเผื่อใจและใช้เวลาในการเลือกสักหน่อยนะครับ
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ EA Robot สมัยนี้มันต้องเพิ่งเทคโนโลยีด้วยกันแล้วจริงๆนะ แต่ทั้งนี้ทั้นนั้น EA Robot ก็มีทั้งด้านดี และด้านเสีย เราจะเอาใจไปลงที่ EA robot แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้นะครับ มันเสี่ยงเกินไป และที่สำคัญ เมื่อได้มันมาแล้ว แอดแนะนำให้ลอง back test ย้อนดูไปนานๆก่อนฮะ และทดลองใช้กับพอร์ตเดโม่3-6 เดือนด้วยยิ่งดี เราจะได้ไม่ขาดทุนครับ
BTC TF 1H🔻 BTC 1H – “ยังอยู่ในกรอบขาลง หรือกำลังกลับตัว?”
Bitcoin (BTCUSD) Timeframe 1H
📉 ราคายังคงวิ่งภายใน descending channel
📈 ล่าสุดดีดกลับจากแนวล่างของ channel พร้อม RSI ขยับขึ้นเหนือ 50 → บ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามา
📌 Key Technical Insight:
แนวต้านสำคัญอยู่บริเวณเส้นกลางของ channel (~$82,000–83,000)
หากผ่านได้ มีโอกาสทดสอบแนวบนของ channel (~$87,000)
แต่หากถูกกดกลับ → อาจเป็นการรีบาวด์ชั่วคราวในเทรนด์ขาลง
🎯 แผนกลยุทธ์:
สาย Long: รอดูการเบรกเหนือแนวกลาง channel พร้อม volume
สาย Short: รอ price action กลับตัวบนแนวต้านเพื่อเล่นตามเทรนด์เดิม
ตั้ง stop loss ชัดเจนใต้แนวรับ หรือเหนือแนวต้าน channel
Pyramiding ในการเทรด Forex: กลยุทธ์เพิ่มกำไรแบบเป็นระบบPyramiding คืออะไร?
Pyramiding เป็นกลยุทธ์การเพิ่มขนาดของตำแหน่ง (Position) ในขณะที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นกำไร โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงมากเกินไป หลักการของ Pyramiding คือการใช้กำไรที่ได้รับจากออเดอร์เดิมมาสร้างออเดอร์ใหม่ ทำให้สามารถขยายขนาดของการเทรดได้โดยไม่ต้องเพิ่มความเสี่ยงของบัญชีมากนัก
หลักการของ Pyramiding
1.เริ่มต้นด้วยขนาดที่เหมาะสม: เทรดเดอร์จะเปิดออเดอร์แรกด้วยขนาดที่คำนวณจากการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
2.เพิ่มออเดอร์เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทางที่ถูกต้อง: เมื่อราคาวิ่งไปในทิศทางที่ทำให้เกิดกำไร จะมีการเปิดออเดอร์ใหม่ที่ระดับราคาที่สูงขึ้น (ในเทรดขาขึ้น) หรือระดับราคาที่ต่ำลง (ในเทรดขาลง)
3.ใช้กำไรเพื่อเพิ่มขนาดการเทรด: กำไรที่เกิดขึ้นจากออเดอร์แรกสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันสำหรับออเดอร์ใหม่ได้
4.กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างรัดกุม: ควรตั้ง Stop Loss ของทุกออเดอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยง หากราคาย้อนกลับไปผิดทางจะเสียเพียงส่วนหนึ่งของกำไร ไม่ใช่ขาดทุนทั้งบัญชี
ตัวอย่างการใช้ Pyramiding
สมมติว่าเทรดเดอร์กำลังเทรดคู่เงิน XAUUSD (ทองคำ) ในขาขึ้น และใช้ Pyramiding:
เปิดออเดอร์แรกที่ราคา 2,000 USD/oz ด้วยขนาด 1 ล็อต
เมื่อราคาขยับขึ้นไปที่ 2,020 USD/oz และมีการยืนยันแนวโน้ม เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ที่สอง 0.5 ล็อต
ถ้าราคาขึ้นไปที่ 2,040 USD/oz เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ที่สาม 0.25 ล็อต
Stop Loss ของออเดอร์แรกถูกเลื่อนขึ้นมาตามแนวรับใหม่ เพื่อล็อกกำไร
ข้อดีของ Pyramiding
✅ เพิ่มกำไรแบบทบต้น: สามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มที่แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการเพิ่มล็อตทีเดียว: การแบ่งไม้เข้าเพิ่มช่วยให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ✅ เหมาะกับแนวโน้มที่แข็งแกร่ง: ใช้ได้ดีเมื่อมีเทรนด์ชัดเจน เช่น ในข่าวใหญ่หรือช่วงตลาดมีโมเมนตัมสูง
ข้อควรระวัง
⚠️ ต้องตั้ง Stop Loss อย่างเหมาะสม: หลีกเลี่ยงการเพิ่มออเดอร์โดยไม่วางแผนการออกจากตลาด ⚠️ ไม่ควรใช้ในตลาดไซด์เวย์: Pyramiding เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน ถ้าใช้ในตลาดไซด์เวย์อาจทำให้ติดดอยหรือติดดอยหนัก ⚠️ ควรใช้การบริหารความเสี่ยงเสมอ: อย่าพยายามใช้ Pyramiding กับ Leverage สูงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงสูง
สรุป
Pyramiding เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มกำไรจากการเทรด Forex โดยอาศัยแนวโน้มที่แข็งแกร่งของตลาด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงที่ดี ตั้ง Stop Loss อย่างเหมาะสม และเลือกใช้ในสภาวะตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
DJI มีโอกาสเด้ง หากผ่านแนวต้าน 42292DJI มีโอกาสเด้ง หากผ่านแนวต้าน 42292
จะมีแนวต้านถัดไปคือ 43545 และ มีโอกาสย่อตัว 1 รอบ ก่อนดีดแถว 42900 โดยมีเป้าคือ 44600
กลับกันหากย่อตัวไม่หลุด 41433 หรือ 40648 ก็จะเด้งขึ้นได้ต่อ
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
4. ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ไม่สามารถวัดหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ว่าจะดีเหมือนในอดีตหรือไม่ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องเข้าใจหลักและวิธีการเงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทน ความเสี่ยงที่ได้รับก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ทองคำซุ่มรอระเบิด – ใครจะรอดใต้เส้นแนวโน้มขาลง?ภายใต้แรงกดดันจากเส้นแนวโน้มขาลง (Downtrend Line) ราคาทองคำ (XAUUSD) กำลังสะสมพลังในโซน 3,016 – 3,020 ดอลลาร์ อย่างเงียบ ๆ ราวกับสิงโตที่กำลังรอจังหวะกระโจนเข้าสู่เหยื่ออย่างแม่นยำ
หลังจากทดสอบ EMA 34 หลายครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ราคาก็เริ่มแสดงอาการ “อ่อนแรง” ให้เห็นชัดเจนมากขึ้น รูปแบบกราฟในลักษณะ sideway แคบลงพร้อมกับยอดสูงที่ลดลง เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่า อาจมีการปรับฐานรุนแรงในไม่ช้า
EMA 89 ขณะนี้ได้กลายเป็น “เส้นแบ่งชีวิต” ของฝั่งกระทิง หากราคาหลุดระดับนี้ลงมา โซน 2,986 ดอลลาร์ จะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปทันที ซึ่งถือเป็นบริเวณแนวรับสำคัญ และมีโอกาสสูงที่ฝั่งหมีจะใช้เป็นเป้าหมายระยะสั้น
สิ่งที่ต้องจับตาคือ ตัวเลข PMI ที่กำลังจะประกาศ หากออกมาสูงเกินคาด (มากกว่า 50.0) ดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำอย่างมาก
ในทางกลับกัน ถ้า PMI ต่ำกว่าคาด ทองคำอาจมีโอกาสฟื้นตัวชั่วคราว
กลยุทธ์ที่น่าสนใจ:
พิจารณาเปิด SELL ใกล้โซน 3,030 ดอลลาร์ หากราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้าน trendline ได้
การเข้า BUY ควรรอให้ราคาทะลุทั้ง EMA และ trendline อย่างชัดเจนก่อน
BAM, 4H ทำรูปแบบ Bearish flagBAM, 4H ทำรูปแบบ Bearish flag
โดยมีเป้าแนวรับแรกหากหลุด 6.10 บาท คือ 3.70 บาท แล้วอาจจะเด้งให้ 1 เที่ยว
และ ปัจจุบันจะมีแนวต้านกดดันอยู่ที่ 6.60-6.80 บาท ซึ่งเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยประมาณ
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
4. ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ไม่สามารถวัดหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ว่าจะดีเหมือนในอดีตหรือไม่ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องเข้าใจหลักและวิธีการเงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทน ความเสี่ยงที่ได้รับก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
Global Asset Rotation ตลาดหุ้น SET SET50 เริ่มสัญญาณดีขึ้นตัว Global Asset Rotation คือตัว ที่สามารถมองสินทรัพย์ ภาพรวมทั้งหมด แบบ Top Down
สิ่งที่เห็น ณ ตอนนี้ SET SET50 หันหัวขึ้น มาตลอดทั้งWeek แต่ index กับทำ new low 1156-1160
แต่สิ่งที่ เราเห็น ในภาพคือ SET มุ่งหน้าขึ้นแบบไม่ย่อ แสดงเริ่มถึงความแข็งแรงขึ้นมา
ถ้า ราคา set set50 กลับตัวได้เริ่มน่าสนใจเข้าซื้อ
แต่สิ่งนึงที่สำคัญ สังเกตุคือไม่ได้มุ่งหน้า ไปทาง zone เขียว แต่ขึ้นไปยัง zone ฟ้า แสดงว่ายังไม่ได้ กลับตัวอย่างแท้จริง ยังต้องระมัดวัง การเด้ง แล้วลงต่อได้
ถ้าเริ่มมุ่งหน้าไปทาง zone เขียวเมื่อไหร่ จะเริ่มเห็นถึงมีเทรน ขาขึ้นได้
BABA, 1H ทำรูปแบบ Symmetrical triangleBABA, 1H ทำรูปแบบ Symmetrical triangle
โดยปัจจุบันได้เลี้ยงตัวอยู่บนเส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 200 วัน ใน Time frame 60 นาที
และจะมีแนวรับหากไม่เบรกกรอบสามเหลี่ยมคือบริเวณ 134
แต่ถ้าเบรกกรอบสามเหลี่ยมได้จะมีเป้าแนวต้านคือ 157
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
4. ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ไม่สามารถวัดหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ว่าจะดีเหมือนในอดีตหรือไม่ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องเข้าใจหลักและวิธีการเงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทน ความเสี่ยงที่ได้รับก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ICT Kill zone in Forex คืออะไร?ICT Kill zone in Forex คืออะไร?
👰 กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบทความๆดีๆที่มีให้อ่านกันไม่รู้จักเบื่อ หลังจากเราทำความรู้จัก KZM Killer Zone กันไปแล้ว วันนี้แอดพามาทำความรู้จักตลาด ICT Killzone กันบ้าง มาครับตามมาดูมาอ่านกันดีกว่า ว่ามันใช้ยังไง และดีกว่าอย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ
หากเราชื่นชอบการเทรดตามกรอบเวลาในแต่ละประเทศตามตลาดต่างๆ ในแต่ละประเทศ เราอาจชอบรูปแบบการเทรดนี้ และแอดเชื่อว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่และหลายๆคนอาจจะเกิน 70% ชื่นชอบการเทรดตามตลาดต่างๆในแต่ละสกุลเงินที่แตกต่างกันไป
ICT Kill Zone หรือชื่อเต็มๆก็คือ Inner Circle Trader Kill Zone เป็นช่วงเวลาเปิดตลาดที่สำคัญของแต่ละตลาด และมีระยะคาบห่างการเปิดตลาดที่ใกล้เคียงและต่อเนื่องกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ตลาด FOREX มันเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง
ICT Killzones Times สำหรับการเทรดรายวันแบบ Intraday Trading
เวลาในตลาดหลักๆที่เราควรจะเทรดจะมีด้วยกัน 3 ช่วง 3 ตลาด
1. ICT London Killzone time ในตลาดลอนดอน
- 19:00 pm – 22.00 pm ตามเวลาบ้านเรา
- คู่เงินที่ควรเทรดและยอดนิยม EUR/USD และ GBP/USD
2. ICT New York Killzone time ในตลาดนิวยอร์ก
- 19:30 pm – 22.30 pm ตามเวลาบ้านเรา
- ดีที่สุดสำหรับการเทรด Nasdaq100 and S&P500
- ช่วงเวลาที่สำคัญและดีที่สุดคือช่วง 8:30 pm ตามเวลาบ้านเรา
- คู่เงินที่ควรเทรดและยอดนิยม EUR/USD และ GBP/USD
3. ICT Asian Killzone time ในตลาดเอเชีย
- ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มักเทรดช่วงเวลาเดียวกับ New York timezone.คือ 7.00 pm -9.00 pm ตามเวลาบ้านเรา
- และคู่เงินที่นิยมเทรดคือ JPY, NZD, และ AUD
👌และแน่นอนว่า ตลาดลอนดอน London Session ย่อมเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่แพ้สกุลเงินอื่นๆเลย แม้แต่ทองด้วย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในรอบวัน ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมีโอกาสเยอะมากในการเข้าเทรดเพื่อทำกำไร แอดจึงยกตัวอย่างและวธีการสรุปสั้นๆในการเทรดตลาดลอนดอนมาให้ดูกัน
จุดสังเกตุในการเทรดตามตลาด London Session
1. เมื่อเข้าสู่ London Session ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นไปทดสอบ High หลังจากนั้นราคาก็มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง (Market Structure Shift) กลับลงมาทางด้านล่าง
2. ราคาเริ่มย้อนกลับขึ้นมายัง Optimal Trade Entry (OTE) ที่ระดับ Fibonacci 0.5 ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจในการเปิดออเดอร์ Sell
3. เมื่อราคาสามารถทะลุ Low ของเซสชั่นลงมาได้ แสดงว่ามีโอกาสที่ราคาจะร่วงลงต่อไป
4. เป้าหมายของออเดอร์ Sell คือ Low ของเซสชั่นก่อนหน้า
👽👽👽เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับระบบเทรด ICT Kill zone แม้ว่าจะต้องนับเวาและคำนวนเวลานิดหน่อย แต่มันคุ้มค่ากับคำว่ารอมากเลยนะฮะ ใครว่าเราไม่สามารถชนะตลาดได้ ไม่จริงฮะ แค่เทรดให้เป็นระบบ มีวินัย ไม่โลภ เราสามารถชนะได้แน่นอน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะฮะ
ที่สำคัญคือบริหารเงินในหน้าตักเราให้เป็นและรัดกุมมากที่สุดครับคือสิ่งสำคัญ ฝึกไว้เยอะๆแล้วเราจะเก่งเอง แอดเอาใจช่วยทุกท่านให้เทรดได้เงินสะสมเยอะๆครับ
BTC 13mar2025ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดูนะครับ ผมเองเป็น trader สมัครเล่นแชร์มุมมองเพื่อแบ่งปัน และตั้งใจใช้ Account นี้โดยกำหนดแค่ Price Range แต่ละช่วงในการเข้าทำการ Trade ซึ่งจะเป็นการตีเส้นมาก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ในภาพใหญ่และทุกวันครับ เลยไม่ได้ใช้ Indicator อื่นมาประกอบใน Account นี้
สำหรับมุมมอง BTC วันนี้หลังร่วงไปอย่างรุนแรงที่ 77,xxx โดยประมาณ สามวันนี้มานี้กลับมาปิด D ที่เขียวได้ ตัว Price Range จะเป็นตามภาพ โดยรวมยังเป็น Down Trend จนกว่าจะยืนเหนือ 92500 ได้ครับ กรอบที่มองยังคงเป็น 65000 - 92500 ก่อนในช่วงนี้ครับ
สำหรับแผนของผมคือเปิด B ที่แนวเส้นรับ เปิด S ที่แนวเส้นต้าน ในกรณี่เบรคไปได้และยืนเหนือ 4H แท่งที่ผ่านมาของเส้นนั้นๆ จะขยับไปที่ Price Range ช่วงถัดไปแทน จะเห็นว่าย้อนหลังไปกราฟค่อนข้างจะวิ่งไปตามเส้นที่ได้ตีเอาไว้พอสมควรครับ
อย่างไรก็ดีผมไม่แนะนำให้เข้าตามมุมมองของผู้เขียนเนื่องจากมีปัจจัยอีกหลายอย่างเช่นข่าว และ การเข้าซื้อของรายใหญ่ เทรดด้วยความระมัดระวัง บริหารจัดการเงินที่มีตลอดจนความเสี่ยงในระดับที่เรายอมรับได้ พึงคิดไว้เสมอว่าเราคือ นักเทรด ไม่ใช่ นักแทง มองหาจุดได้เปรียบในการเข้า และออกเมื่อทำกำไรได้ตามแผนตลอดจนยอมแพ้เป็น
ขอให้โชคดีครับ
แนวโน้ม S&P500 Future สำหรับ วันที่ 13/03/2568DAY
ราคาลงมาแตะแนวรับสำคัญแล้วที่ 5588 ถ้าลงต่อจะมีแนว5451,5231
H4
ราคาวิ่งลงมาชนรับสำคัญแล้วมีโอกาสรีบาวให้1รอบsto
H1
ราคาเริ่มยืนทำlowไว้ที่5536 นับจากนี้ถ้าเริ่มปิดแท่งเหนือ5651ได้ จะมีโอกาสขึ้นไป 5722 5840
หน้าBUY
ถ้าเช้านี้ราคาเริ่มดีดตัวผ่าน 5651 ได้ รอหาจังหวะย่อแล้วเข้าBuy SL5550 TP5722
***แต่ถ้าราคาหลุด5536 รอ5451,5231
หน้าSELL
รอH4 รีบาวด์ขึ้นมา1เที่ยวก่อน แนวต้าน5722 5840
US30, 4H เหมือนว่ากำลังทำกรอบสามเหลี่ยมUS30, 4H
เหมือนว่ากำลังทำกรอบสามเหลี่ยม ที่มีโอกาส หลุดลงมาหาแนวรับ 42000 ได้
และถ้าหากหลุดลงไปเลย มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปคือ 40,600-40700
และ โซน 40,000 ได้
สองโซนนี้มีโอกาสเด้งรีบาวน์ตามเทคนิคได้
กลับกันหากเบรกสามเหลี่ยมขึ้นด้านบน ก็จะมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 44,000
Disclaimer คำเตือน
1.โพสต์นี้เป็นการแชร์มุมมองเพื่อการศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมการทำราคาของกราฟเทคนิคคอลเท่านั้น (For Educational purposes only) และ ผู้เขียนไม่ใช่ (Financial advisor nor a CPA)
2.ทางเพจไม่ได้มีเจตนาชี้แนะหรือชี้ชวนการลงทุนแต่อย่างใด (I am sharing my opinion with no guarantee of investment gains or losses.)
3.ผู้ลงทุนควรศึกษาผลิตภัณฑ์การลงทุนก่อน และตัดสินใจการลงทุนเอง ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นผู้ลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง (Investing of any kind involves risk. While it is possible to minimize risk, your investments are solely your responsibility. You must conduct your own research.)
4. ผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา ไม่สามารถวัดหรือการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ว่าจะดีเหมือนในอดีตหรือไม่ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องเข้าใจหลักและวิธีการเงื่อนไขการลงทุน และผลตอบแทน ความเสี่ยงที่ได้รับก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง